บริษัทมอร์นิงสตาร์รายงานว่า กองทุน Pimco Total Return ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเงินทุนไหลออก 7.5 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ค. หลังจากมีเม็ดเงินไหลออก 9.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นจำนวนเงินไหลออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กองทุนแห่งนี้ของบริษัทพิมโคมีเงินไหลออกในเดือนก.ค.เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยขณะนี้ทางกองทุนครอบครองสินทรัพย์ราว 2.62 แสนล้านดอลลาร์ และอยู่ภายใต้การบริหารของนายบิล กรอส
นักลงทุนถอนเงินลงทุนราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ออกจากกองทุน Pimco Total Return ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยปริมาณเงินทุนไหลออกนี้ถือเป็นระดับที่สูงที่สุด นับตั้งแต่มอร์นิงสตาร์เริ่มต้นติดตามข้อมูลกองทุนแห่งนี้ในปี 1993 เป็นต้นมา
นักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากกองทุนตราสารหนี้หลายแห่งในปีนี้ ในขณะที่การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ตราสารหนี้ โดยตลาดมักจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของนายกรอส และนายโมฮัมเหม็ด เอล-อีเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมของบริษัทพิมโคอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบุคคลทั้งสองเคยทำเงินได้เป็น จำนวนมากจากการคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยได้อย่างถูกต้องก่อนนักลงทุนรายอื่นๆ
อย่างไรก็ดี กองทุน Pimco Total Return ซึ่งถือเป็นกองทุนตราสารหนี้สำคัญของพิมโค มีมูลค่าลดลงแล้ว 3.08 % ในปีนี้ และผลประกอบการนี้ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้แห่งอื่นๆเพียงราว 25 % เท่านั้น
กองทุน Pimco Total Return ลดความเสียหายได้บ้างในเดือน ก.ค. โดยทางกองทุนให้อัตราผลตอบแทน 0.49 % ในเดือนก.ค. หลังจากขาดทุน 2.64 % ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราการขาดทุนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินในเดือนก.ย. 2008 เป็นต้นมา
กองทุน Pimco Total Return กลับมาให้ผลกำไรได้อีกครั้ง ในเดือนก.ค. ในขณะที่นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อการลงทุนของพิมโค ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐ
กองทุน Pimco Total Return เพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขึ้นสู่ 38 % ในเดือนมิ.ย. จาก 37 % ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีแรงเทขายเข้ามาในตลาดพันธบัตร
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในเดือนก.ค.ว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และอัตราการว่างงานอาจบ่งชี้ถึงภาวะตลาดแรงงานที่ดีเกินความเป็นจริง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตร ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเกินความคาดหมาย
ถ้อยแถลงของนายเอล-อีเรียนบ่งชี้ว่า เขามองว่าตัวเลขการจ้างงานจะส่งผลให้เฟดใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นายเอล-อีเรียนกล่าวว่า "ตัวเลขในวันศุกร์เพิ่มความยุ่งยากให้แก่ภารกิจของเฟดที่มีความซับซ้อนอยู่แล้วในการกำหนดนโยบาย และตัวเลขนี้น่าจะเป็นการเตือนสภาคองเกรสของสหรัฐให้หลีกเลี่ยงจากการเพิ่มอุปสรรคขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ทางสภากำลังจะหารือกันเรื่องงบประมาณและเพดานหนี้"
พิมโคอยู่ในเครือบริษัทอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการทางการเงินของยุโรป โดยพิมโคมีสินทรัพย์ 1.97 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 30 มิ.ย.
นักลงทุนถอนเงินลงทุน 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ออกจากกองทุนรวมในสหรัฐของพิมโคในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ยังถอนเงินทุนราว 137 ล้านดอลลาร์ออกจากกองทุน Pimco Total Return Exchange-Traded Fund (ETF) ในเดือนก.ค.ด้วย หลังจากที่เคยถอนเงินลงทุนราว 512 ล้านดอลลาร์ออกจากกองทุนดังกล่าว ในเดือนมิ.ย. โดยกองทุน ETF แห่งนี้ครอบครองสินทรัพย์ราว 4.2พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน โดยมีมูลค่าลดลง 2.4 % จากช่วงต้นปีนี้
กองทุน ETF แห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นในเดือนก.พ. 2012 และใช้แผนยุทธศาสตร์การลงทุนแบบเดียวกับกองทุนรวม Pimco Total Return
ทางด้านกองทุนตราสารหนี้ DoubleLine Total Return ซึ่งเป็นคู่แข่งของกองทุนพิมโค มีเงินลงทุนไหลออก 580 ล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ค. หลังจากมีเงินทุนไหลออก 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือน มิ.ย. โดยการไหลออกในเดือนมิ.ย.ถือเป็นการไหลออกครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุนนี้ในเดือนเม.ย. 2010 ขณะที่นายเจฟฟรีย์ กุนด์แลช เป็นผู้บริหารกองทุนแห่งนี้
กองทุนตราสารหนี้ DoubleLine Total Return ครอบครองสินทรัพย์ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน และมีขนาดลดลงเพียง 0.93 % จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งดีกว่ากองทุนประเภทเดียวกันราว 93 % ขณะที่กองทุนแห่งนี้มีขนาดลดลง 0.22 % ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 1.74 % ในเดือนมิ.ย.
ทางด้านบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตัลซึ่งเป็นเจ้าของกองทุนดังกล่าว ครอบครองสินทรัพย์สูงกว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 มี.ค.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
กองทุนแห่งนี้ของบริษัทพิมโคมีเงินไหลออกในเดือนก.ค.เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยขณะนี้ทางกองทุนครอบครองสินทรัพย์ราว 2.62 แสนล้านดอลลาร์ และอยู่ภายใต้การบริหารของนายบิล กรอส
นักลงทุนถอนเงินลงทุนราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ออกจากกองทุน Pimco Total Return ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยปริมาณเงินทุนไหลออกนี้ถือเป็นระดับที่สูงที่สุด นับตั้งแต่มอร์นิงสตาร์เริ่มต้นติดตามข้อมูลกองทุนแห่งนี้ในปี 1993 เป็นต้นมา
นักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากกองทุนตราสารหนี้หลายแห่งในปีนี้ ในขณะที่การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ตราสารหนี้ โดยตลาดมักจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของนายกรอส และนายโมฮัมเหม็ด เอล-อีเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมของบริษัทพิมโคอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบุคคลทั้งสองเคยทำเงินได้เป็น จำนวนมากจากการคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยได้อย่างถูกต้องก่อนนักลงทุนรายอื่นๆ
อย่างไรก็ดี กองทุน Pimco Total Return ซึ่งถือเป็นกองทุนตราสารหนี้สำคัญของพิมโค มีมูลค่าลดลงแล้ว 3.08 % ในปีนี้ และผลประกอบการนี้ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้แห่งอื่นๆเพียงราว 25 % เท่านั้น
กองทุน Pimco Total Return ลดความเสียหายได้บ้างในเดือน ก.ค. โดยทางกองทุนให้อัตราผลตอบแทน 0.49 % ในเดือนก.ค. หลังจากขาดทุน 2.64 % ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราการขาดทุนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินในเดือนก.ย. 2008 เป็นต้นมา
กองทุน Pimco Total Return กลับมาให้ผลกำไรได้อีกครั้ง ในเดือนก.ค. ในขณะที่นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อการลงทุนของพิมโค ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐ
กองทุน Pimco Total Return เพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขึ้นสู่ 38 % ในเดือนมิ.ย. จาก 37 % ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีแรงเทขายเข้ามาในตลาดพันธบัตร
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในเดือนก.ค.ว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และอัตราการว่างงานอาจบ่งชี้ถึงภาวะตลาดแรงงานที่ดีเกินความเป็นจริง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตร ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเกินความคาดหมาย
ถ้อยแถลงของนายเอล-อีเรียนบ่งชี้ว่า เขามองว่าตัวเลขการจ้างงานจะส่งผลให้เฟดใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นายเอล-อีเรียนกล่าวว่า "ตัวเลขในวันศุกร์เพิ่มความยุ่งยากให้แก่ภารกิจของเฟดที่มีความซับซ้อนอยู่แล้วในการกำหนดนโยบาย และตัวเลขนี้น่าจะเป็นการเตือนสภาคองเกรสของสหรัฐให้หลีกเลี่ยงจากการเพิ่มอุปสรรคขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ทางสภากำลังจะหารือกันเรื่องงบประมาณและเพดานหนี้"
พิมโคอยู่ในเครือบริษัทอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการทางการเงินของยุโรป โดยพิมโคมีสินทรัพย์ 1.97 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 30 มิ.ย.
นักลงทุนถอนเงินลงทุน 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ออกจากกองทุนรวมในสหรัฐของพิมโคในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ยังถอนเงินทุนราว 137 ล้านดอลลาร์ออกจากกองทุน Pimco Total Return Exchange-Traded Fund (ETF) ในเดือนก.ค.ด้วย หลังจากที่เคยถอนเงินลงทุนราว 512 ล้านดอลลาร์ออกจากกองทุนดังกล่าว ในเดือนมิ.ย. โดยกองทุน ETF แห่งนี้ครอบครองสินทรัพย์ราว 4.2พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน โดยมีมูลค่าลดลง 2.4 % จากช่วงต้นปีนี้
กองทุน ETF แห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นในเดือนก.พ. 2012 และใช้แผนยุทธศาสตร์การลงทุนแบบเดียวกับกองทุนรวม Pimco Total Return
ทางด้านกองทุนตราสารหนี้ DoubleLine Total Return ซึ่งเป็นคู่แข่งของกองทุนพิมโค มีเงินลงทุนไหลออก 580 ล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ค. หลังจากมีเงินทุนไหลออก 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือน มิ.ย. โดยการไหลออกในเดือนมิ.ย.ถือเป็นการไหลออกครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุนนี้ในเดือนเม.ย. 2010 ขณะที่นายเจฟฟรีย์ กุนด์แลช เป็นผู้บริหารกองทุนแห่งนี้
กองทุนตราสารหนี้ DoubleLine Total Return ครอบครองสินทรัพย์ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน และมีขนาดลดลงเพียง 0.93 % จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งดีกว่ากองทุนประเภทเดียวกันราว 93 % ขณะที่กองทุนแห่งนี้มีขนาดลดลง 0.22 % ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 1.74 % ในเดือนมิ.ย.
ทางด้านบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตัลซึ่งเป็นเจ้าของกองทุนดังกล่าว ครอบครองสินทรัพย์สูงกว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 มี.ค.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak