- ภาคธุรกิจของยูโรโซนขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.5 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 48.7 ในเดือน มิ.ย. ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ลดลงอีกครั้งในเดือนก.ค. แต่อัตราการลดลงก็ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.2011ทั้งนี้ PMI ของเยอรมนีขยายตัวดีขึ้นหลังยอดสั่งซื้อใหม่ และการสร้างงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ PMI ของอังกฤษที่ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ขณะที่ดัชนี PMI ของสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ยังคงหดตัว แต่หดตัวในอัตราที่ชะลอลง
- ยอดค้าปลีกของยูโรโซนในเดือนมิ.ย.ลดลง 0.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนพ.ค.บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มจะเผชิญกับภาวะย่ำแย่ เนื่องจากยอดค้าปลีกนับเป็นปัจจัยชี้วัดที่สำคัญเกี่ยวกับอุปสงค์ในภาคเศรษฐกิจ
- จีนและรัสเซียสั่งห้ามนำเข้านมผงจากนิวซีแลนด์ หลังพบการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียเกินระดับมาตรฐาน และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคโบทูลินั่ม หรือ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยฟอนเทียรา ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ของนิวซีแลนด์ และเป็นรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก เผยว่า ผลิตภัณฑ์นมผง เครื่องดื่มให้พลังงาน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ กว่า 1,000 ตันที่จำหน่ายใน 7 ประเทศอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของโรคโบทูลินั่ม
- จีนมีแผนกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการอุตสหากรรมต่อเรือ และอาจอนุญาตให้บริษัทออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงปรับปรุงกิจการ หลังจากผู้ประกอบการราว 1 ใน 3 อาจต้องปิดกิจการในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากขาดแคลนเงินทุน
- จีน เตรียมพิจารณาให้คู่สมรสมีบุตรได้ 2 คน ถ้าหากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นบุตรเพียงคนเดียวในครอบครัวของตน ซึ่งต่างจากในอดีตที่คู่สมรสทั้ง 2 คนจะต้องเป็นบุตรคนเดียวเท่านั้นจึงจะมีบุตรได้ 2 คน โดยคาดว่าจะเริ่มให้มีผลภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า ขณะที่นโยบายมีบุตร 2 คนแบบไม่มีเงื่อนไขอาจจะเป็นไปได้หลังปี 2015
- นักลงทุนคาดการณ์ ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) จะตรึงนโยบายการเงินในการประชุมทบทวน นโยบายวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ ขณะที่มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ญี่ปุ่น เตรียมเพิ่มรายการสินค้ายกเว้นภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปภาษีสำหรับปีงบประมาณ 2557 โดยผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางติดกลุ่มของฝากยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่น 3 อันดับแรกในปี 2555 โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 58.2% ซื้อขนมหวาน 51.4% ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารชนิดอื่นๆ แอลกอฮอล์และบุหรี่ ส่วนอีก 38.5% ซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรม
- กุกมินแบงก์ สถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ของเกาหลีใต้ คาดว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกาหลีใต้ที่กำลังซบเซาจะกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจและทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไร้ผล โดยธุรกรรมซื้อขายห้องชุดในเดือนกรกฎาคมลดลง 80% จากเดือนก่อนหน้า หลังมาตรการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสิ้นสุดลง ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติเกาหลีใต้ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
- ธปท. เตือนให้ ธ.พาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อและแนะให้มีการกันสำรองเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรองรับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีปัญหา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของประเทศขนาดใหญ่ที่ยังไม่ชัดเจน จึงมีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกันต้องระวังปัจจัยเสี่ยงในประเทศ คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
- กฟผ. เตรียมจัดตั้ง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) สำหรับโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ เพื่อระดมทุน 2 พันล้าน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปจัดตั้งที่ปรึกษาในเดือนส.ค.นี้ จากนั้นจะนำโรงไฟฟ้ากระบี่เข้าระดมทุนต่อไปเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แผนการลงทุนของกฟผ.ในช่วง10ปีข้างหน้า จะต้องใช้เงินรวมประมาณ 781,644 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินกู้ 70% และเงินทุน 30% โดยเงินกู้จะมีการออกพันธบัตร และระดมเงินผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
- กองทัพประชาชนฯ ประกาศยกระดับชุมนุม 6-7 ส.ค.นี้ โดยจะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อีกทั้งจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อเอาผิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีมีคำสั่งให้ตำรวจสกัดกั้นประชาชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม
- SET Index ปิดที่ 1,424.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ 0.24% มูลค่าซื้อขาย 20,881 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องมาจากปัจจัยกดดันจากประเด็นทางการเมืองในประเทศ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์การพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม
- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดที่ระดับ 2,050.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด หรือ +1.04% ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค โรงพยาบาล และเทคโนโลยี หลังดัชนีภาคบริการจีนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนมีนาคม
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับลดลงในช่วงระหว่าง -0.04% ถึง 0.00%มูลค่าการซื้อขายรวม 43,774 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน วงเงินรวม 84,000 ล้านบาท
- จีน เตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกมูลค่า 4 หมื่นล้านหยวน (6.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ประกอบด้วยพันธบัตรอายุ 3 ปี มูลค่า 2.4 หมื่นล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% และพันธบัตรอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.41% มูลค่า 1.6 หมื่นล้านหยวน เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 10 - 19 สิงหาคม ผ่านธนาคารขนาดใหญ่ 7 แห่ง
- เฮดจ์ฟันด์ลดสถานะซื้อทองคำในตลาดล่วงหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ หลังคาดว่าความต้องการทองคำเพื่อประกันความเสี่ยงจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังฟื้นตัวได้ดีทั้งนี้ ในเดือน ก.ค. เฮดจ์ฟันด์ลดสถานะซื้อลง 6.5% มาอยู่ที่ 65,517 สัญญา แต่มีการเปิดสถานะขายเพิ่มขึ้น 6.8% สูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยในปีนี้ ราคาทองคำลดลงมาแล้ว 22% นับแต่เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวดีขึ้น
- อลาเซอร์โกลด์คอร์ป บริษัทผู้ค้าทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลีย คาดว่า ปริมาณการผลิตทองคำในออสเตรเลียจะมีแนวโน้มลดลง หลังเหมืองทองคำจะทยอยปิดกิจการในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากราคาทองคำที่ลดลง ทั้งนี้ เหมืองทองคำในออสเตรเลียถือเป็นแหล่งผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหมืองทองคำบันทึกการขาดทุนทางบัญชีแล้วราว 2หมื่นล้านดอลลาร์จากผลกระทบของราคาทองคำที่ลดลง
Mark Mobius กล่าวในงานสัมมนาของ Bloomberg ว่ายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของเศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) แม้ว่าขนาดกองทุนรวมของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียจะไม่ขยายตัว ในขณะที่ประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้นก็ตาม
และสิ่งที่ผู้ลงทุนควรดูประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ก็คือ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น กับอัตราส่วนหนี้ต่อทุนที่ลดลง ส่วนการที่เงินไหลออกไปยังสหรัฐนั้นเป็นเรื่องชั่วคราว เพราะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอยู่ที่ระดับ 5% โดยเฉลี่ย ในขณะที่สหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 3%
(วิกฤติใหญ่ครั้งต่อไปอาจจะเกิดขึ้นกับกองทุน ETF ทั้งหลาย เพราะอาจรับมือกับการถอนเงินออกไปได้ลำบาก)
ในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียยังเต็มไปด้วยผู้คนที่เนืองแน่น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นมากมาย ทั้งยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และสำหรับประเทศจีนแม้จะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่ด้วยอัตราการเติบโตของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนที่ 7% มันก็มากพอแล้ว
Mark Mobius เชื่อว่า Abenomics ได้ผล เพราะมันไม่ใช่แค่การอัดฉีดเงินเพิ่มไปในระบบ แต่ญี่ปุ่นมุ่งไปที่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้วย เช่นค่าจ้างแรงงาน และประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรง (FDI_Foreign Direct Investment) ของญี่ปุ่น ซึ่งผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือ ประเทศไทย โดยเห็นได้จากการเคลื่อนย้ายของบริษัทขนาดครอบครัวของญี่ปุ่นที่เคลื่อนย้ายมาตั้งในไทยเพื่อให้บริการแก่บริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่อย่างพวกอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็คโทรนิค และอาหาร
Sector ในตลาดหุ้นไทยที่เขาชื่นชอบคือ Internet & automation, intelligent industries กับ Consumer โดยเน้นเรื่อง Automation ในทุกๆ กลุ่ม ซึ่งกลุ่มธุรกิจการเกษตรกำลังใช้ Automation มากขึ้น เพราะแรงงานจะขาดแคลนมากขึ้น ดังนั้น เกษตรกรจะใช้ Automation มาทดแทนแรงงานที่หายไป ยกตัวอย่างเช่น กิจการโคนม ซึ่งแม่วัวเดินเข้าไปหาเครื่องรีดนมวัวอัตโนมัติเอง
สำหรับทองคำนั้น Mark Mobius มองว่าความต้องการทองคำจริงๆ กับความต้องการอนุพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพราะความต้องการทองคำจริงๆ ยังโตขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องประธาน FED คนใหม่นั้น Mark Mobius เชื่อว่า ประธานาธิบดีโอบามาต้องการให้ Larry Summers เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน Ben Bernake ที่จะลาออกเมื่อครบวาระต้นปีหน้า เนื่องจาก Larry Summers มีแนวคิดที่จะทำ QE ต่อ รวมถึงมีแนวคิดที่สนับสนุนนโยบายภาษีและอื่นๆ ของโอบามาอีกด้วย