- IMF ระบุว่า ความวุ่นวายในตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นและเศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ จากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปที่ยังคงอยู่ ในขณะที่เศรษฐกิจของกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากการยกเลิกการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินที่เร็วเกินไปหรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอของประเทศใหญ่ๆ
- นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์ ระบุว่า อิตาลีและสเปนกำลังเป็นผู้นำในเรื่องการระดมทุนของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้สามารถระดมทุนได้ 80% และ 66% ของจำนวนเงินทุนที่ต้องการโดยใช้โอกาสในช่วงวิกฤตหนี้ซึ่งนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็วขึ้น เนื่องจากปริมาณเงินสดส่วนกลางจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ที่หนี้สินที่ได้รับการจัดอันดับในระดับสูง โดยธนาคารกลางยุโรปได้ให้คำมั่นว่าจะซื้อพันธบัตรของประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือจากธนาคาร จนทำให้นักลงทุนกล้าซื้อหนี้สินที่ได้รับการจัดอับดับต่ำ
- FED เตรียมทบทวนกฎเกณฑ์ที่อนุญาติให้ ธ.พาณิชย์ประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง หลังจากพบว่ามีบางแห่งปั่นราคาน้ำมันภายในประเทศ และมีข้อสงสัยว่าหากเกิดวิกฤตในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้น ธ.พาณิชย์และ FED จะควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจได้อย่างไร
- เมืองดีทรอยต์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ของสหรัฐ ยื่นเรื่องขอล้มละลายหลังจากที่เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจมายาวนานกว่า 60 ปีด้วยปริมาณหนี้สินสะสมสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่รายได้ภาษีหดหายจากการทยอยปิดกิจการบริษัทรถยนต์ในเมือง เนื่องจากถูกอุตสาหกรรมยานยนต์ของเอเชียตีจนแหลก มีอาชญากรรมจำนวนมากเพราะไม่มีเงินพอจ้างตำรวจ กับผู้คนที่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกว่า 1 ใน 3
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า ถึงแม้ FED จะยังไม่ได้ระบุระยะเวลาในการลดวงเงินซื้อพันธบัตร แต่ สศค. คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวย่างต่อเนื่อง ซึ่ง FED น่าจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำต่อไปเพื่อเป็นปัจจัยบวกต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาคอสังหาฯ และการฟื้นตัวของตลาดสินเชื่อบ้าน นอกจากนั้น ยังเป็นการผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนต่อความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดในภูมิภาคเอเชียได้บ้าง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตของญี่ปุ่นเดือน ก.ค. ยู่ที่ระดับ 13 ซึ่งลดลงจากเดือน มิ.ย.ที่เป็น 15 เนื่องด้วยผู้ผลิตมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับแรกของญี่ปุ่น
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทยเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 93.1 ลดลงจาก 94.3 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อมั่นลดลงจากความกังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
- Morgan Stanley ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่สองในอาเซียนรองจากอินโดนีเซียที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบของการชะลอมาตรการ QE ของ FED เพราะการขายพันธบัตรรัฐบาลไทยของนักลงทุนต่างชาติจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นจากการที่ไทยพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศมากขึ้นเพราะจ่ายอัตราดอกเบี้ยภายนอกประเทศที่ต่ำกว่า ทำให้การไหลออกของเงินทุนจะส่งผลให้บาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น
- ธปท. ปรับคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลงเหลือเติบโต 4.2% จากเดิม 5.1% เนื่องจากภาคการส่งออกฟื้นตัวล่าช้าประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภายในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง เพราะผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหมดลงเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ หนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นได้เริ่มเป็นข้อจำกัดต่อการบริโภคสินค้าคงทนและกึ่งคงทน ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 2.5% อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจแล้ว
- ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า ถึงแม้หนี้ภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับร้อยละ 80 ของ GDP แต่ยังไม่น่าเป็นห่วง และแม้เศรษฐกิจในครึ่งปีแรกจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังเนื่องจากการจ้างงานและรายได้ของประชาชนยังดีอยู่ ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นเริ่มกลับมาฟื้นตัว จึงน่าจะช่วยภาคการส่งออกของไทย และยังมีปัจจัยเสริมจากการลงทุนของภาครัฐ
- SET Index ปิดที่ 1,481.84จุด ลดลง 5.35 จุด หรือ +0.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 49,138.56ล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวอย่างผันผวน ถึงแม้ว่า ธปท.จะออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เหลือเพียง 4.2% ซึ่งไม่ได้เป็นปัจจัยที่นอกเหนือความคาดหมายของนักลงทุน ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงรอท่าทีจาก FED ในการชะลอมาตรการ QE จากการประชุมFOMC ในวันที่ 30 - 31 ก.ค.นี้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างคงที่ในทุกช่วงอายุตราสาร มีเพียงตราสารอายุ3-10 ปีที่อัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.01% โดยนักลงทุนต่างชาติปรับเปลี่ยนพอร์ตโดยขายตราสารระยะกลางถึงยาว มาซื้อพันธบัตรระยะสั้น สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1 เดือน / 3 เดือน / 6 เดือน มูลค่ารวม 78,000 ล้านบาท