รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า นักลงทุนทั่วโลกเริ่มต้นการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ด้วยการปรับลดการถือครองหุ้นของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และเพิ่มการถือครองหุ้นและพันธบัตรของยูโรโซน
ความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนกระตุ้นให้นักลงทุนลดการลงทุนในเอเชีย ซึ่งมีความเปราะบางมากที่สุดต่อการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
การปรับตัวดีขึ้นเกินคาดของดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยูโรโซนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นในยูโรโซนซึ่งปรับตัวล้าหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งนำโดยสหรัฐและญี่ปุ่น
ผลสำรวจการจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลกบ่งชี้ว่า นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองหุ้นโดยรวม และปรับลดการลงทุนในพันธบัตร แต่โดยรวมแล้วยังคงมีความระมัดระวังในการลงทุน โดยเพิ่มระดับถือครองเงินสดสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน
ผลสำรวจนักลงทุน 53 รายในสหรัฐ, ยุโรปและญี่ปุ่นบ่งชี้ว่า กองทุนได้ลดการถือครองหุ้นในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียลงเหลือ 7.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2011 จาก 8.8% ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองหุ้นในยูโรโซนสู่ 16.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2012 จาก 15.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การถือครองพันธบัตรยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ 27.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2011
นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองเงินสดโดยรวมสู่ 6.1% ของพอร์ตการลงทุนจาก 5.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.และอยู่สูงกว่าระดับเฉลี่ยในรอบ 3 ปีที่ 5.3%
นักลงทุนเพิ่มการถือครองหุ้นขึ้นเล็กน้อยสู่ 50.2% จาก 49.5% และการถือครองพันธบัตรลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 37%
ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 17-30 ก.ค.เมื่อตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของยุโรป
แต่ตลาดเกิดใหม่เผชิญแรงกดดัน เนื่องจากแนวโน้มการยุตินโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้มีเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งตลาดเกิดใหม่ดังกล่าวมีความต้องการเงินทุนมากที่สุด
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุนลงด้วย ขณะที่จีนกำลังควบคุมการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่รูปแบบที่อิงกับการบริโภคในประเทศ และลดการพึ่งพาการขยายตัวของการส่งออก "ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนลดน้อยลง ซึ่งกระตุ้นให้เฟดอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น แรงกระตุ้นในตลาดเกิดใหม่ก็ลดน้อยลงด้วย" นายอลัน เกย์ล นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโสของริดจ์เวิร์ธ อินเวสเมนต์สในแอตแลนต้ากล่าว
"นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดจากมาตรการที่ผ่อนคลายนั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันในช่วงขาลงต่อพันธบัตรและตราสารหนี้ในระยะสั้น รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น นักลงทุนได้ลดการถือครองพันธบัตรของญี่ปุ่นลงสู่ 12.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2011การคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในญี่ปุ่น อันเป็นผลจากนโยบายกระตุ้นเงินเฟ้อเชิงรุกของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการถือครองพันธบัตรรัฐบาล JGB ที่มีความผันผวน
นักลงทุนสหรัฐได้ลดการถือครองหุ้นลงสู่ 56.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2007 ขณะที่การถือครองพันธบัตรลดลงในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 35.4% และการถือครองเงินสดเพิ่มขึ้นสู่ 3.6%
ผู้จัดการกองทุนของญี่ปุ่นเพิ่มการถือครองหุ้นสู่ 43.7% ในเดือนก.ค. ขณะที่การถือครองพันธบัตรลดลงสู่ 49.9% จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 53.6% ในเดือนมิ.ย.
ผู้จัดการกองทุนยุโรปเพิ่มระดับการถือเงินสดสู่ 7.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ขณะที่ลดการถือครองหุ้นและพันธบัตรของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
นักลงทุนอังกฤษปรับลดการถือครองพันธบัตรลงสู่ 23.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่การถือครองหุ้นทรงตัวที่ 53.9% หลังการดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนมิ.ย.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
ความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนกระตุ้นให้นักลงทุนลดการลงทุนในเอเชีย ซึ่งมีความเปราะบางมากที่สุดต่อการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
การปรับตัวดีขึ้นเกินคาดของดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยูโรโซนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นในยูโรโซนซึ่งปรับตัวล้าหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งนำโดยสหรัฐและญี่ปุ่น
ผลสำรวจการจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลกบ่งชี้ว่า นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองหุ้นโดยรวม และปรับลดการลงทุนในพันธบัตร แต่โดยรวมแล้วยังคงมีความระมัดระวังในการลงทุน โดยเพิ่มระดับถือครองเงินสดสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน
ผลสำรวจนักลงทุน 53 รายในสหรัฐ, ยุโรปและญี่ปุ่นบ่งชี้ว่า กองทุนได้ลดการถือครองหุ้นในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียลงเหลือ 7.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2011 จาก 8.8% ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองหุ้นในยูโรโซนสู่ 16.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2012 จาก 15.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การถือครองพันธบัตรยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ 27.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2011
นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองเงินสดโดยรวมสู่ 6.1% ของพอร์ตการลงทุนจาก 5.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.และอยู่สูงกว่าระดับเฉลี่ยในรอบ 3 ปีที่ 5.3%
นักลงทุนเพิ่มการถือครองหุ้นขึ้นเล็กน้อยสู่ 50.2% จาก 49.5% และการถือครองพันธบัตรลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 37%
ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 17-30 ก.ค.เมื่อตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของยุโรป
แต่ตลาดเกิดใหม่เผชิญแรงกดดัน เนื่องจากแนวโน้มการยุตินโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้มีเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งตลาดเกิดใหม่ดังกล่าวมีความต้องการเงินทุนมากที่สุด
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุนลงด้วย ขณะที่จีนกำลังควบคุมการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่รูปแบบที่อิงกับการบริโภคในประเทศ และลดการพึ่งพาการขยายตัวของการส่งออก "ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนลดน้อยลง ซึ่งกระตุ้นให้เฟดอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น แรงกระตุ้นในตลาดเกิดใหม่ก็ลดน้อยลงด้วย" นายอลัน เกย์ล นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโสของริดจ์เวิร์ธ อินเวสเมนต์สในแอตแลนต้ากล่าว
"นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดจากมาตรการที่ผ่อนคลายนั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันในช่วงขาลงต่อพันธบัตรและตราสารหนี้ในระยะสั้น รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น นักลงทุนได้ลดการถือครองพันธบัตรของญี่ปุ่นลงสู่ 12.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2011การคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในญี่ปุ่น อันเป็นผลจากนโยบายกระตุ้นเงินเฟ้อเชิงรุกของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการถือครองพันธบัตรรัฐบาล JGB ที่มีความผันผวน
นักลงทุนสหรัฐได้ลดการถือครองหุ้นลงสู่ 56.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2007 ขณะที่การถือครองพันธบัตรลดลงในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 35.4% และการถือครองเงินสดเพิ่มขึ้นสู่ 3.6%
ผู้จัดการกองทุนของญี่ปุ่นเพิ่มการถือครองหุ้นสู่ 43.7% ในเดือนก.ค. ขณะที่การถือครองพันธบัตรลดลงสู่ 49.9% จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 53.6% ในเดือนมิ.ย.
ผู้จัดการกองทุนยุโรปเพิ่มระดับการถือเงินสดสู่ 7.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ขณะที่ลดการถือครองหุ้นและพันธบัตรของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
นักลงทุนอังกฤษปรับลดการถือครองพันธบัตรลงสู่ 23.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่การถือครองหุ้นทรงตัวที่ 53.9% หลังการดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนมิ.ย.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak