“เสี่ยเพ้ง” ขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางไปดูน้ำมันรั่วงดเข้าพื้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เหตุทำให้การปฏิบัติหน้าที่ลำบากเพราะพื้นที่จำกัด ยัน PTTGC พร้อมจ่ายค่าเสียหายทันทีไม่ต้องรอเงินประกัน ยันน้ำมันรั่วแค่ 5 หมื่นลิตร คาด 7 วันผลสอบหาสาเหตุท่อรั่วที่คุณหญิงทองทิพเป็นประธานจะแล้วเสร็จ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน บมจ.ปตท. และ บมจ.พีทีทีโกลบอล เคมีคอล (PTTGC) ว่า จากรายงานการขจัดคราบน้ำมันดิบที่รั่วและพัดเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง คืบหน้าไปมาก จึงได้สั่งการให้ บมจ.PTTGC เร่งฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมอ่าวพร้าวให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด และให้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องรอวงเงินประกันโดยให้จ่ายทันที และขอร้องให้ผู้ที่จะเดินทางไปอ่าวพร้าวทั้งที่จะไปช่วยเหลือและไปดูสถานการณ์ลดการเดินทางลงพื้นที่เนื่องจากพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงพอ และการเข้าไปอาจสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นเพราะพื้นที่จำกัด
“จากการสอบถามราชการก็พบว่าการทำงานเป็นหน้าที่หลักของคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน หรือ (กปน.) กรมเจ้าท่าจะเป็นศูนย์กลางทำงาน และที่ผ่านมาจะมีระบบซ้อมแผนรับมือฉุกเฉิน 3 ระดับ โดยน้ำมันที่รั่วครั้งนี้เป็นระดับ 2 คือ 20- ไม่เกินพันตัน ซึ่งจะต้องร่วมกับผู้รับสัมปทานอื่นๆ ที่จะใช้อุปกรณ์รับมือ ซึ่งเบื้องต้นยืนยันว่าน้ำมันดิบที่รั่วครั้งนี้ยังเป็น 5 หมื่นลิตรอยู่” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. กล่าวว่า แนวทางแก้ไขปัญหาการกลั่นของ 2 โรงกลั่นที่ได้รับผลกระทบคือ 1. การนำน้ำมันตามกฎหมายมาใช้ หรือมีการสวิตช์สำรองกับโรงกลั่นอื่น 2. การนำเรือเล็กขนน้ำมันดิบมาลอยลำ และ 3. ขั้นสุดท้ายหากไม่พอจริง 2 โรงกลั่นคงลดกำลังการกลั่นลง ซึ่งการกลับมาส่งน้ำมันได้อีกครั้งนั้นจะต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะทำงานตรวจสอบหาสาเหตุการรั่วของน้ำมันดิบที่มีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต เป็นประธาน หาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร รวมถึงปริมาณที่รั่วไหลออกมาสู่ทะเล โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายใน 7 วัน
“ปกติการซ้อมแผนรับมือฉุกเฉินระดับชาติของ กปน.จะทำทุก 3 ปี เราก็กำลังดูอยู่ว่าจะต้องปรับแผนเป็นปีละครั้ง โดยท่อขณะนี้กำลังซ่อมอยู่ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ แต่ปัญหาคือต่อให้เสร็จเราก็ต้องรู้สาเหตุของปัญหาก่อน เพราะถ้ากลับมาใช้งานต้องมั่นใจจริงๆ” นายณัฐชาติกล่าว