ASTVผู้จัดการรายวัน - “เพ้ง” จี้พีทีที โกลบอลฯ เร่งกำจัดคราบน้ำมันที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดให้แล้วเสร็จใน 3 วัน พร้อมตั้ง “ประเสริฐ” ปธ.บอร์ดพีทีที โกลบอลฯ เป็นประธานตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ด้านผู้บริหารพีทีที โกลบอลฯ ยืดอกรับผิดชอบ พร้อมเยียวยาค่าเสียหายทุกอย่าง แย้มทำประกันกันไว้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ซึ่งห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 20 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ได้สั่งการให้บริษัท พีทีที โกลบอลฯ เร่งกำจัดคราบน้ำมันและสารปนเปื้อนให้แล้วเสร็จใน 3 วัน ดูแลช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างเต็มที่ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับสู่ปกติ โดยมอบอำนาจให้นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจสั่งการพีทีที โกลบอลฯ แทนเพื่อให้สามาถดำเนินการแก้สถานการณ์ได้รวดเร็วมากขึน
ขณะเดียวกันก็แต่งตั้งนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมีคอล เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร และเกิดขึ้นจากจุดไหน เป็นความผิดพลาดที่ตัวบุคคล หรืออุปกรณ์ มีการป้องกันสถานการณ์ล่าช้าหรือไม่
โดยเหตุการณ์รั่วไหลน้ำมันดิบเกิดขึ้นในไทยมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลในปริมาณที่มากกว่าทุกครั้ง
“ได้รับแจ้งเมื่อ 4 ทุ่มเมื่อวันที่ 28 ก.ค. บริษัทฯ สามารถควบคุมคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลได้ และได้มีการสั่งเลิกขบวนเรือกำจัดคราบน้ำมัน แต่พอเที่ยงคืนได้รับรายงานว่าคราบน้ำมันลอยไปที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดแล้ว”
นายประเสริฐกล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนคงต้องหาสาเหตุ คาดว่าจะรายงานข้อสรุปเบื้องต้นค่อรัฐมนตรีภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติ วัสดุท่ออ่อนที่ขนส่งน้ำมันนั้นต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ จะต้องใช้เวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่ง เพราะปกติท่ออ่อนจะมีการเปลี่ยนใหม่ทุก 2 ปี แต่ท่อที่เกิดปัญหานี้เพิ่งใช้งานมาได้เพียง 1 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความเสียหายและวงเงินที่จะใช้เยียวยายังไม่สามารถระบุได้ในช่วงนี้ แต่บริษัทฯ ได้มีการทำประกันภัยไว้แล้ว
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เช้าวันที่ 29 ก.ค. บริษัทฯ ได้มีการกั้นบูมเพื่อจำกัดบริเวณการแพร่กระจายของน้ำมั้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด หลังพบว่ามีคราบน้ำมันบางส่วนลอยไปที่อ่าวพร้าว โดยมีทีมงานของบริษัท 200 คน และทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ มาทำการเก็บคราบน้ำมันให้ได้มากที่สุด และลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด
โดยมาตรการเพิ่มเติมในขณะนี้ คือ การวางบูมที่หัวและท้ายอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าว และให้เรือทำการฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเพิ่มเติม ที่กลุ่มน้ำมันที่ลอยอยู่หน้าอ่าวขาม และอ่าวน้อยหน่าอีกด้วย
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว และพร้อมที่เยียวยาชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวและผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยบริษัทมีวงเงินประกันด้านสิ่งแวดล้อม และการรับผิดชอบบุคคลที่ 3 ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีทิพยประกันภัยเป็นผู้รับประกันภัย
“ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดของพีทีที โกลบอลฯ ขอยอมรับผิดต่อสังคมและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสร้างความสับสนว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันที่มีน้ำมันดิบบางส่วนไปถึงเกาะเสม็ด บริษัทพร้อมที่จะรับผิดชอบ” นายอนนต์กล่าว
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.เตรียมยกร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการควบคุมการขนถ่ายน้ำมันและสารเคมีทางทะเล ซึ่ง กรอ.เห็นว่าน้ำมันเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่ต้องมีการควบคุมการขนส่งจึงเห็นควรให้ยกร่างประกาศดังกล่าวเพื่อให้ กรอ.เข้าไปควบคุมการขนส่งได้ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งการยกร่างจะใช้เวลา 1 เดือนก่อนเสนอ รมว.อุตสาหกรรมพิจารณา
“ถ้าออกประกาศแล้ว กรอ.สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ หากไม่ดำเนินการตามประกาศจะมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายณัฐพลกล่าว