ระยอง - “พีทีที โกลบอล” แถลง อ้างขจัดคราบน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลระยองได้ร้อยละ 70 แล้ว โดยได้ดูดน้ำมันใส่ถัง เตรียมนำเข้ากระบวนการแยกน้ำออกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนคราบน้ำมันตามชายหาด ได้ใช้พลั่วตักเก็บไปเรื่อยๆ พร้อมใช้ผ้าซับดูดขึ้นมา อ้างคราบจางลงมากแล้ว พร้อมระบุน้ำมันดิบเป็นสารธรรมชาติ แค่ใส่สารก็แตกสลายไปเอง ไม่น่าตกใจ
วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดเก็บคราบน้ำมันบริเวณหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ทางบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้แถลงการณ์ล่าสุด ว่า นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และคณะผู้บริหารของบริษัทฯ ได้เดินทางไปที่อ่าวพร้าว พร้อมส่งพนักงานดำเนินการเก็บคราบน้ำมัน ต่อมา กำลังทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 ค่ายมหาสุรสิงหนาถ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระยอง กว่า 300 คน ซึ่งทางผู้ว่าฯ ได้ขอกำลังทหารมาสนับสนุนเพิ่มอีก 200 นาย ระดมเก็บคราบน้ำมัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดเรือ จำนวน 5 ลำ ร่วมกับเรือจากกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อีก 5 ลำ ระดมฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมัน รวมทั้งเครื่องบิน c 130 ของบริษัท ออยล์ สปิลเรสปอนด์ จำกัด ได้พ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันรวม 32,000 ลิตร โดยได้รับการสนับสนุนน้ำยาจากบริษัท ไทยออยล์ สตาร์ปิโตรเลี่ยม รีไฟนิ่ง จำกัด และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)
ส่วนมาตรการในขณะนี้คือ การวางบูมที่บริเวณหัว และท้ายของอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าวพร้าว พร้อมทั้งให้เรือฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเพิ่มเติมที่กลุ่มคราบน้ำมันกำลังลอยบริเวณหน้าอ่าวขาม และอ่าวน้อยหน่า ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้จัดส่งเครื่องดักจับคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ต่างๆ ไปเพิ่มเติมให้แก่ทีมงานอย่างสุดความสามารถ และจะดำเนินการขจัดคราบน้ำมันให้หมดโดยเร็วที่สุด
นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดูดคราบน้ำมันมาใส่ถัง และจะนำไปเข้าขบวนการแยกน้ำออกและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนคราบน้ำมันที่อยู่บริเวณชายหาดจะใช้พลั่วตักขึ้นมา และไล่เก็บไปเรื่อยๆ จะใช้ผ้าซับน้ำมันแล้วดูดน้ำมันขึ้นมา จะเห็นได้ว่าน้ำมันจะเริ่มจางลงเรื่อยๆ จากเมื่อเช้าที่ผ่านมามีสีดำเข้ม ส่วนน้ำมันดิบนั้นเป็นสารธรรมชาติเกิดจากสิ่งที่มีชีวิตหมักหมมเป็นเวลานานแรมปีทำให้โมเลกุลเกาะกันแน่นเกิดการเหนียว พอใส่สารเคมีลงไปจะเกิดการแตกตัวสลายโดยธรรมชาติได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร
เรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยถ้าปล่อยทิ้งไว้ลักษณะแบบนี้จะค่อยๆ สลายโดยธรรมชาติแต่ต้องใช้เวลานาน และจะดูไม่สวยงาม ถ้าเรากำจัดโดยรวดเร็วหาดทรายจะกลับคืนสภาพปกติ ผลกระทบจะไม่มีเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนใหญ่คราบน้ำมันจะมารวมกันที่อ่าวพร้าวเพราะเป็นเวิ้ง ส่วนที่จะมีน้ำมันเล็ดลอดไปนั้นเป็นคราบฟิล์มบางๆ เราจะใช้เรือพ่นสารเคมีให้จมลงไปใต้ทะเลแต่น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่น้ำมันจะอยู่ที่บริเวณอ่าวพร้าว จะให้เจ้าหน้าที่นำบล็อกไม่ให้กลับคืนสู่กลางทะเล
ขณะนี้ได้รีบเร่งกำจัดคราบน้ำมันให้โดยเร็ววัน ซึ่งได้รับความร่วมมือมาจากทหารจากกองทัพเรือ 300-600 คน เข้าช่วยกำจัดคราบน้ำมัน จากวันแรกที่รั่วมาประมาณ 50 ตัน เราจัดเก็บไป 70 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เรือพ่นสารเคมี และใช้เครื่องบินเพื่อให้ขจัดคราบน้ำมันให้หมดไปโดยเร็ววัน พอเรากำจัดคราบน้ำมันหมดแล้วจะเก็บตัวอย่างของน้ำ ทราย ไปวิเคราะห์ตรวจว่ามีผลกระทบต่อสัตว์น้ำอย่างไร แต่คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบเพราะน้ำมันเป็นสิ่งธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้แต่ต้องใช้เวลานานเท่านั้นเอง