กองทุนที่เก็งกำไรความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประสบภาวะขาดทุนทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถ ในการทำกำไรในช่วงเวลาที่ "supercycle" ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะสิ้นสุดลง
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ Newedge บ่งชี้ว่า ผลประกอบการเฉลี่ยของกองทุนร่วงลง 3.58% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่กองทุนต่างๆ เคยขาดทุนติดต่อกัน 5 เดือนก่อนหน้านี้มาครั้งหนึ่งในช่วงปี 2002-2003
กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งมักโฆษณาว่าเป็นกองทุนที่สามารถทำกำไรได้ในทุกตลาดนั้น กลับไม่สามารถทำกำไรได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ ทอง, ธัญพืชและก๊าซ
ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นต่อเฮดจ์ฟันด์ให้ต้องปรับลดค่าธรรมเนียม และเปิดตัวโครงการลงทุนที่นักลงทุนสามารถขอเงินคืน บางส่วนที่จ่ายให้กับผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในช่วงเวลาสดใส หากพวกเขา ไม่ได้รับผลตอบแทนที่พวกเขาคาดหวัง
ความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดที่สำคัญๆ อาทิ จีนและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านอุปทานจากขาดแคลนเป็นล้นตลาดนั้น ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภััณฑ์ดิ่งลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีการเตือนว่าขณะนี้ เป็นการสิ้นสุดของ "supercycle" ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งทำการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาทิ หุ้นนั้น สามารถดีดตัวขึ้นในปีนี้ รวมถึงกองทุนที่ซื้อขายหุ้นเหมืองและพลังงาน
ผลการดำเนินงานของกองทุน Clive Capital มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ร่วงลง 3.5% ณ สิ้นเดือนมิ.ย., กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของ Krom River ดิ่งลง 4.4% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ขณะที่กองทุนกลยุทธ สินค้าโภคภัณฑ์ของ Brevan Howard ลดลง 2.5% ณ วันที่ 28 มิ.ย.
นาย Itay Simkin ซีอีโอของ Krom River กล่าวว่า แม้ราคาร่วงลง แต่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ยังคงเป็นการลงทุนที่ดีมากอันเนื่องมาจากปัญหาด้านการผลิต, การพัฒนาเมือง, อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม และการขาดการลงทุนล่วงหน้าในธุรกิจเหมือง
กองทุนที่ทำการซื้อขายทองกำลังเผชิญกับการขาดทุนหนักที่สุด โดยราคาทองดิ่งลงในปีนี้จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งได้เคยหนุนราคาทองขึ้นสู่ระดับสูงสุด เป็นประวัติการณ์
นายจอห์น พอลสัน นักลงทุนมหาเศรษฐีของสหรัฐเปิดเผยว่า กองทุนทอง ของเขา ซึ่งเป็นสินทรัพย์มูลค่าน้อยที่สุด 300 ล้านดอลลาร์ ดิ่งลง 23% ในเดือนมิ.ย.และร่วงลง 65% แล้วในปีนี้
แม้ประสบภาวะขาดทุน แต่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ขาดทุนมากเท่ากับการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีนี้ โดยดัชนี Thomson Reuters-Jefferies CRB ซึ่งประกอบด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ 19 รายการร่วงลง 5.7% จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
กองทุน Merchant Commodity Fund ของนาย Mike Coleman มีผลการดำเนินงานพุ่งขึ้น 24.2% ในปีนี้หลังจากขาดทุน 30% ในปี 2011 และ 7.6% ในปี 2012
แต่ความวิตกสำหรับกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ก็คือพวกเขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ท่ามกลางแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนระบุว่า ปัญหาก็คือแนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้น ในระยะยาวได้ถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มความไม่แน่นอนมากขึ้นในระยะสั้น ซึ่งราคาสามารถร่วงลงอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะทำกำไรจาก การร่วงลงของราคา
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งดิ่งลง 22% จากระดับสูงสุดของปีที่ 2011 นั้น ได้เข้าสู่ภาวะหมีแล้ว ขณะที่ความผันผวนซึ่งบางกองทุนใช้ในการเก็งกำไรนั้น ได้ลดลงด้วย ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้จัดการกองทุนต่อไป
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak.
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ Newedge บ่งชี้ว่า ผลประกอบการเฉลี่ยของกองทุนร่วงลง 3.58% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่กองทุนต่างๆ เคยขาดทุนติดต่อกัน 5 เดือนก่อนหน้านี้มาครั้งหนึ่งในช่วงปี 2002-2003
กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งมักโฆษณาว่าเป็นกองทุนที่สามารถทำกำไรได้ในทุกตลาดนั้น กลับไม่สามารถทำกำไรได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ ทอง, ธัญพืชและก๊าซ
ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นต่อเฮดจ์ฟันด์ให้ต้องปรับลดค่าธรรมเนียม และเปิดตัวโครงการลงทุนที่นักลงทุนสามารถขอเงินคืน บางส่วนที่จ่ายให้กับผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในช่วงเวลาสดใส หากพวกเขา ไม่ได้รับผลตอบแทนที่พวกเขาคาดหวัง
ความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดที่สำคัญๆ อาทิ จีนและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านอุปทานจากขาดแคลนเป็นล้นตลาดนั้น ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภััณฑ์ดิ่งลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีการเตือนว่าขณะนี้ เป็นการสิ้นสุดของ "supercycle" ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งทำการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาทิ หุ้นนั้น สามารถดีดตัวขึ้นในปีนี้ รวมถึงกองทุนที่ซื้อขายหุ้นเหมืองและพลังงาน
ผลการดำเนินงานของกองทุน Clive Capital มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ร่วงลง 3.5% ณ สิ้นเดือนมิ.ย., กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของ Krom River ดิ่งลง 4.4% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ขณะที่กองทุนกลยุทธ สินค้าโภคภัณฑ์ของ Brevan Howard ลดลง 2.5% ณ วันที่ 28 มิ.ย.
นาย Itay Simkin ซีอีโอของ Krom River กล่าวว่า แม้ราคาร่วงลง แต่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ยังคงเป็นการลงทุนที่ดีมากอันเนื่องมาจากปัญหาด้านการผลิต, การพัฒนาเมือง, อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม และการขาดการลงทุนล่วงหน้าในธุรกิจเหมือง
กองทุนที่ทำการซื้อขายทองกำลังเผชิญกับการขาดทุนหนักที่สุด โดยราคาทองดิ่งลงในปีนี้จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งได้เคยหนุนราคาทองขึ้นสู่ระดับสูงสุด เป็นประวัติการณ์
นายจอห์น พอลสัน นักลงทุนมหาเศรษฐีของสหรัฐเปิดเผยว่า กองทุนทอง ของเขา ซึ่งเป็นสินทรัพย์มูลค่าน้อยที่สุด 300 ล้านดอลลาร์ ดิ่งลง 23% ในเดือนมิ.ย.และร่วงลง 65% แล้วในปีนี้
แม้ประสบภาวะขาดทุน แต่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ขาดทุนมากเท่ากับการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีนี้ โดยดัชนี Thomson Reuters-Jefferies CRB ซึ่งประกอบด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ 19 รายการร่วงลง 5.7% จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
กองทุน Merchant Commodity Fund ของนาย Mike Coleman มีผลการดำเนินงานพุ่งขึ้น 24.2% ในปีนี้หลังจากขาดทุน 30% ในปี 2011 และ 7.6% ในปี 2012
แต่ความวิตกสำหรับกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ก็คือพวกเขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ท่ามกลางแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนระบุว่า ปัญหาก็คือแนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้น ในระยะยาวได้ถูกแทนที่ด้วยแนวโน้มความไม่แน่นอนมากขึ้นในระยะสั้น ซึ่งราคาสามารถร่วงลงอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะทำกำไรจาก การร่วงลงของราคา
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งดิ่งลง 22% จากระดับสูงสุดของปีที่ 2011 นั้น ได้เข้าสู่ภาวะหมีแล้ว ขณะที่ความผันผวนซึ่งบางกองทุนใช้ในการเก็งกำไรนั้น ได้ลดลงด้วย ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้จัดการกองทุนต่อไป
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak.