เฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรรายใหญ่ในสหรัฐยังคงนำเงินเข้ามาลงทุนในทองถึงแม้ราคาทองดิ่งลงครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ในรูปของดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขที่ออกมาในวันศุกร์ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ อีกหลายประเภทคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า ผู้จัดการกองทุนถือครองสถานะซื้อสุทธิในสินค้าโภคภัณฑ์ 22 ประเภทในตลาดสหรัฐเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 950 ล้านดอลลาร์ หรือ 6% สู่ 5.65 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย.
ข้อมูลดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกจากทองและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆจำนวนมากในสัปดาห์นี้ หลังจากราคาร่วงลงทั่วตลาดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. อันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
นายอดัม ซาร์แฮน ผู้ก่อตั้งบริษัทซาร์แฮน แคปิตอลในนิวยอร์ค กล่าวว่า "ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะประหลาดใจที่เห็นตัวเลขนี้ โดยเฉพาะสำหรับทอง"
ข้อมูลจาก CFTC บ่งชี้ว่า สถานะซื้อสุทธิทองในตลาด COMEX ที่ถือครองโดยผู้จัดการตลาดเงินรวมถึงเฮดจ์ฟันด์นั้น พุ่งขึ้น 5,495 สัญญาสู่ 61,579 สัญญา
ส่วนสัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายในทองซึ่งเป็นตัววัดสภาพคล่องตลาดนั้นพุ่งขึ้น 24%
ราคาทองสปอตปิดที่ระดับสูงกว่า 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์เพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยลดลงมากกว่า 5% ในรอบสัปดาห์
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 เม.ย. ราคาทองร่วงต่ำกว่าระดับ 1,340 ดอลลาร์ โดยดิ่งลงมากกว่า 8% หรือมากกว่า 125 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 วันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองได้แรงหนุนบางส่วนในระยะต่อมา ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคได้เข้าซื้อทองแท่ง, เหรียญทอง, ก้อนทอง และเครื่องประดับที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
"ราคาทองดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดอันเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และแรงซื้อคืน" นายเดวิด มีเจอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของวิชั่น ไฟแนนเชียล มาร์เก็ตส์กล่าว
แม้ราคาดีดตัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองอาจร่วงลงอีกในระยะใกล้ เนื่องจากยังคงมีเงินไหลออกจากกองทุน ETFs ทอง
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุด ของโลก มีเงินไหลออกสุทธิรายสัปดาห์มากที่สุดอันดับ 3 ราว 2.2 พันล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 เม.ย.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อาจแนะนำให้ลดมาตรการกระตุ้นด้านการเงินในระยะใกล้ ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อราคาทอง
ส่วนตลาดที่มีสถานะซื้อสุทธิลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. นั้น ได้แก่น้ำมันดิบสหรัฐและน้ำมันเบนซิน
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า สัญญาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX มีสถานะซื้อสุทธิลดลง 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 13,298 สัญญา ขณะที่สัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น 2%
สถานะซื้อสุทธิของสัญญาน้ำมันเบนซินตลาด NYMEX ร่วงลงราว 1.2พันล้านดอลลาร์หรือ 10,350 สัญญา
สถานะซื้อสุทธิของสัญญาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์ ขณะที่มูลค่าของสถานะซื้อสุทธิในตลาด Intercontinental Exchange เพิ่มขึ้นราว 651 ล้านดอลลาร์หรือ 16,411 สัญญา และสัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น 4%
(ข่าวจาก สำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
ข้อมูลดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกจากทองและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆจำนวนมากในสัปดาห์นี้ หลังจากราคาร่วงลงทั่วตลาดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. อันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
นายอดัม ซาร์แฮน ผู้ก่อตั้งบริษัทซาร์แฮน แคปิตอลในนิวยอร์ค กล่าวว่า "ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะประหลาดใจที่เห็นตัวเลขนี้ โดยเฉพาะสำหรับทอง"
ข้อมูลจาก CFTC บ่งชี้ว่า สถานะซื้อสุทธิทองในตลาด COMEX ที่ถือครองโดยผู้จัดการตลาดเงินรวมถึงเฮดจ์ฟันด์นั้น พุ่งขึ้น 5,495 สัญญาสู่ 61,579 สัญญา
ส่วนสัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายในทองซึ่งเป็นตัววัดสภาพคล่องตลาดนั้นพุ่งขึ้น 24%
ราคาทองสปอตปิดที่ระดับสูงกว่า 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์เพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยลดลงมากกว่า 5% ในรอบสัปดาห์
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 เม.ย. ราคาทองร่วงต่ำกว่าระดับ 1,340 ดอลลาร์ โดยดิ่งลงมากกว่า 8% หรือมากกว่า 125 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 วันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองได้แรงหนุนบางส่วนในระยะต่อมา ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคได้เข้าซื้อทองแท่ง, เหรียญทอง, ก้อนทอง และเครื่องประดับที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
"ราคาทองดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดอันเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และแรงซื้อคืน" นายเดวิด มีเจอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของวิชั่น ไฟแนนเชียล มาร์เก็ตส์กล่าว
แม้ราคาดีดตัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองอาจร่วงลงอีกในระยะใกล้ เนื่องจากยังคงมีเงินไหลออกจากกองทุน ETFs ทอง
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุด ของโลก มีเงินไหลออกสุทธิรายสัปดาห์มากที่สุดอันดับ 3 ราว 2.2 พันล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 เม.ย.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อาจแนะนำให้ลดมาตรการกระตุ้นด้านการเงินในระยะใกล้ ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อราคาทอง
ส่วนตลาดที่มีสถานะซื้อสุทธิลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. นั้น ได้แก่น้ำมันดิบสหรัฐและน้ำมันเบนซิน
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า สัญญาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX มีสถานะซื้อสุทธิลดลง 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 13,298 สัญญา ขณะที่สัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น 2%
สถานะซื้อสุทธิของสัญญาน้ำมันเบนซินตลาด NYMEX ร่วงลงราว 1.2พันล้านดอลลาร์หรือ 10,350 สัญญา
สถานะซื้อสุทธิของสัญญาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์ ขณะที่มูลค่าของสถานะซื้อสุทธิในตลาด Intercontinental Exchange เพิ่มขึ้นราว 651 ล้านดอลลาร์หรือ 16,411 สัญญา และสัญญาที่ยังไม่มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น 4%
(ข่าวจาก สำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak