ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยยอดขายทั่วโลกสูงถึง 1.47 แสนล้านบาท เตรียมขยายโรงงานผลิตเพิ่ม 7 แห่งในสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และเวียดนาม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “นิวทริไลท์ แคล แมก ดี” หวังเพิ่มยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามที่มีสัดส่วนถึง 36% ของรายได้รวม คาดครึ่งปีหลังลูกค้าอาจตัดสินใจซื้อช้าลงเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เร่งใช้งบฯ การตลาดเต็มวงเงิน 800 ล้านบาทกระตุ้นลูกค้าเพิ่มปริมาณการซื้อและประเภทผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลร่างกายให้แข็งแรงมีสุขภาพดี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพพื้นฐานมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “นิวทริไลท์” ทั่วโลกในปี 2555 ซึ่งเติบโตสูงขึ้นถึง 1.47 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดขายในประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในทิศทางเดียวกัน โดยมียอดขายถึง 6.4 พันล้านบาท บริษัทจึงวางแผนขยายกำลังการผลิตโดยทุ่มงบประมาณอีก 1.25 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมอีก 7 แห่งในสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และเวียดนาม
สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยนั้นยังคงให้ความสำคัญต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามเป็นหลัก โดยในปี 2555 สามารถทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 36% รองลงมาคือเครื่องกรองน้ำและเครื่องกรองอากาศ 19% เครื่องสำอาง 17% และผลิตภัณฑ์อื่นๆ 28% ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มจำหน่ายในช่วงปลายเดือน ก.ค.ศกนี้ คือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม “นิวทริไลท์ แคล แมก ดี” ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญคือ แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และเกลือแร่ พร้อมสารสกัดเข้มข้นอัลฟัลฟา
“การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้คาดว่าจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างน้อย 5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ในขณะที่ตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2556 ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยบริษัทมีการจัดงบประมาณการตลาดเป็นจำนวน 800 ล้านบาทเพื่อใช้ในการจัดโปรโมชัน ส่งเสริมการขาย โฆษณา และกิจกรรมต่างๆ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเพิ่งใช้ไปเพียง 30-40% เนื่องจากจะมาเริ่มโหมทำตลาดในครึ่งปีหลังซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ดีทุกประเภท”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจเพราะสามารถทำยอดขายได้สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ถึง 7% แต่ขณะนี้บริษัทกำลังประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมากน้อยเพียงใด โดยขณะนี้เริ่มปรับแผนและกลยุทธ์การตลาดใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและภาวะการแข่งขันของตลาดซึ่งถือว่ารุนแรงมาก ทั้งยังมีผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
“ปัญหากำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าประจำของเรามากนัก แต่อาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่ช้าลง เนื่องจากลูกค้าของเราเป็นกลุ่มที่มีรายได้แน่นอนและไม่ได้คำนึงถึงเรื่องราคาเป็นสำคัญ เราจึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ โดยจะมีการทดสอบวิจัยและประเมินตลาดก่อนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละชนิดว่าจะเอื้อประโยชน์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคทั่วไปได้มากน้อยเพียงใด เพื่อให้ลูกค้าเพิ่มปริมาณการซื้อและประเภทผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น”
นางรัตนากล่าวด้วยว่า บริษัทยังไม่มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะให้ความสำคัญในเรื่องการปรับคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์มากกว่า โดยภายในสิ้นปี 2556 ยังมีแผนพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลุ่มวิตามินและเกลือแร่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ชนิด โดยมีการใช้กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญคือการนำนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาเป็นผู้อบรมความรู้ให้แก่นักธุรกิจแอมเวย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแนะนำข้อมูลผลิตภัณฑ์และการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องแก่ลูกค้าแต่ละราย