ซี.พี.คอนซูเมอร์ฯ ครวญครึ่งปีหลังต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นเพราะปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน ทั้งภาคการเงิน อสังหาริมทรัพย์ หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมถึงกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตสินค้าต้องเร่งกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม แต่มั่นใจรายได้ต้องโตขึ้น 15% จากจำนวนสินค้าที่จัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของสินค้าในเครือซีพี 70% และผู้ผลิตทั่วไป 30%
นายพรหมสร อมรสิทธิพิพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทดำเนินงานจัดจำหน่ายสินค้าใน 2 หมวดหลัก คือ อาหาร และเครื่องอุปโภค-บริโภคชนิดต่างๆ ประมาณ 800 รายการ แยกเป็นสัดส่วนสินค้าในเครือซีพี 70% และสินค้าจากผู้ผลิตทั่วไป 30%
ในปี 2555 บริษัทมีรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 10% ส่วนปี 2556 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% อันเนื่องมาจากมีปัจจัยบวก 3 ด้าน คือ อัตราการเติบโตของสินค้าเก่าที่บริษัทจัดจำหน่าย การเพิ่มขึ้นของสินค้าใหม่ๆ และช่องทางการกระจายสินค้าและจำนวนผู้แทนจำหน่ายรายย่อยที่เพิ่มสูงขึ้น
“การตั้งเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในแต่ละปีจะพิจารณาถึงรายละเอียดการเจรจาทางธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้เรามีจำนวนสินค้าใหม่ๆ ในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาบริษัทจะทำงานร่วมกับเจ้าของสินค้าด้วยการยึดหัวใจสำคัญคือการสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคทราบว่ามีสินค้านั้นๆ อยู่ในตลาดและให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภคในแง่ใดบ้าง”
ในช่วง 6 เดือนแรกถือว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ในช่วง 6 เดือนหลังอาจต้องทำงานเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ไม่ดีนัก ขณะเดียวกัน ภาคการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากปริมาณการทำธุรกรรมการเงินและการโอนกรรมสิทธิ์บ้านที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
“จากภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวจึงส่งผลให้หนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคสินค้าทุกหมวดหมู่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 2-3 เดือนและยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น จึงทำให้ภาพรวมของผู้ผลิตสินค้าประเภทต่างๆ ต้องผันงบโฆษณาประชาสัมพันธ์มาใช้ในทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะการลด แลก แจก แถม เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงเพิ่มมากขึ้น”
