- สมาชิกรัฐสภากรีซ มีมติผ่านร่างกฎหมายแก้ไขโครงสร้างระบบบริหารราชการครั้งใหญ่ด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิว 153 เสียง ต่อ 140 เสียง ส่งผลให้ข้าราชการจำนวน 25,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นครู และเจ้าหน้าที่ตามหน่วยงานภาครัฐต้องตกงานไปโดยปริยาย โดยในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ 4,000 คน ต้องออกจากงานก่อนกำหนดภายในสิ้นปี 2556 และอีก 11,000 คน จะถูกปลดออกภายในสิ้นปี 2557 เพื่อแลกกับการรับเงินกู้จากกลุ่มเจ้าหนี้ทรอยก้า 6,800 ล้านยูโร
- ผู้พิพากษาเดวิด คาร์เตอร์ ของศาลเขตสหรัฐ ตัดสินว่า รัฐบาลสหรัฐสามารถเดินหน้าฟ้องร้อง S&P ในข้อหาปั่นอันดับความน่าเชื่อถือเพื่อเพิ่มผลกำไร ปกปิดความเสี่ยงทางเครดิต และปิดบังการทับซ้อนของผลประโยชน์
- สมาคมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า บราซิลมีแนวโน้มขาดดุลการค้าในปี 56 ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เป็นผลมาจากการส่งออกที่ร่วงลง 5% ประกอบกับราคาโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันของบราซิลที่ขายให้กับต่างประเทศปรับตัวลดลง
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุ อันดับความน่าเชื่อถือในเอเชียแปซิฟิค จะยังคงมีเสถียรภาพ แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนทั่วโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวในระดับปานกลางของเศรษฐกิจสหรัฐ และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการคลังที่แข็งแกร่งของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค
- รอยเตอร์ เผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตและของภาคบริการญี่ปุ่น ลดลง 2 จุด สู่ระดับ +13 และ +18 ตามลำดับ ในเดือน ก.ค. โดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนเพิ่มความวิตกของผู้ตอบแบบสำรวจ
- สถาบันวิจัย พิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ ของสหรัฐ ได้จัดทำผลสำรวจใน 39 ประเทศทั่วโลก พบว่า สหรัฐได้รับความนิยมไป 63% เฉือนจีนที่ได้ไป 50% อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังชี้ว่า ทั่วโลกเชื่อว่าจีนจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ในอนาคต
- ผลสำรวจของรอยเตอร์ พบว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 7.5% ในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% แต่เศรษฐกิจจีนอาจจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่รัฐบาลจะมุ่งเน้นมาตรการปฏิรูป มากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะ และคาดว่าธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ย และสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า
- ธนาคารซิตี้แบงก์ คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ที่ 4.7% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ในปี 2557 สำหรับการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแรงส่งจะมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการส่งออกที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวดีขึ้น
- นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวหลังจากเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้มีพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่ดี และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 4-4.5% แต่สิ่งที่จะกระทบกับประเทศไทยจะมาจากปัจจัยภายนอกมากกว่า
- บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยครึ่งปีหลัง จะชะลอตัวกว่าครึ่งแรกประมาณ 10% แต่ก็ยังทำให้ทั้งปี 2556 เติบโตกว่าทั้งปี 2555 อยู่ 4% ในแง่มูลค่า และ 12% ในแง่จำนวนหน่วยเปิดใหม่ พร้อมทั้งแนะนำให้มีการเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์ให้สูงขึ้น อย่างน้อย 15-20% ของราคาขาย และสัดส่วนการขอกู้จากสถาบันการเงินควรเป็น 80-85% ของมูลค่าตลาดจากการประเมิน ของบริษัทประเมินทรัพย์สินอิสระ
- ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า มีประชาชนไปขอใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก 1.2 ล้านคัน และประเมินว่าจะมีการยกเลิกการใช้สิทธิ์ประมาณ 20-30% จึงอาจทำให้เหลือยอดผู้ใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรกจริงประมาณ 8-9 แสนคัน เท่านั้น โดยปัจจุบันมีลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ทำให้สถาบันการเงินต้องยึดรถ เพื่อนำออกประมูลเกือบ 300 คัน
- อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้มีการพิจารณาตัวเลขราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 13,500 บาท ความชื้น 15% สูงสุดครัวเรือนละไม่เกิน 4 แสนบาท โดยได้เสนอให้ตัวแทนชาวนารับไปพิจารณา และคาดว่า จะทำให้การรับจำนำข้าวนาปี 2556/57 จะใช้วงเงินประมาณ 2.2 แสนล้านบาท จากปริมาณผลผลิตข้าวที่คาดว่าจะเข้าโครงการประมาณ 15 ล้านตัน จากผลผลิตประมาณ 28 ล้านตัน
- SET Index ปิดที่ 1,487.19 จุด เพิ่มขึ้น 29.11 จุด หรือ +2.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57,165.49 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสอดคล้องกับตลาดในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการชะลอยกเลิก QE
- ผลสำรวจผู้จัดการกองทุน 178 คน ซึ่งบริหารสินทรัพย์รวม 4.82 แสนล้านดอลลาร์ พบว่า สัดส่วนการลงทุนหุ้นในตลาดเกิดใหม่ของนักลงทุนลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี ในเดือน ก.ค. ขณะที่มีความวิตกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวรุนแรง และมีการคาดการณ์มากขึ้นว่า ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น โดยสัดส่วนการลงทุนในหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 52% จากระดับ 48% ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรลดลงสู่ 55% ซึ่งต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปี
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยระหว่าง -0.01% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท.อายุ 14 วัน และ 3 ปี มูลค่ารวม 60,000 ล้านบาท