เทสโก้ โลตัส สยายปีกฝั่งตะวันออกของจีน ระบุเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญด้วยจำนวนประชากรกว่า 660 ล้านคน ทั้งยังมีกำลังซื้อสูงถึง 5 หมื่นบาทต่อคนต่อเดือน เร่งเดินหน้าดันสินค้าไทยตีตลาดเต็มตัว ทั้งผลไม้ อาหารทะเล สินค้าโอทอปจำพวกผลไม้อบแห้งและขนม พร้อมจัดงานใหญ่ “เทศกาลผลไม้และอาหารไทย” ในร้าน “เทสโก้” 132 สาขา ดึงดูดลูกค้าชาวจีนกว่า 4.4 ล้านคนต่อสัปดาห์ เผยปี 55 ทำยอดส่งออกสินค้าทุกชนิดไปยุโรป และเอเชียสูงถึง 1.35 หมื่นล้านบาท
น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก “เทสโก้ โลตัส” ในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเมื่อเดือน พ.ค. 56 เทสโก้ โลตัสมีจำนวนสาขาในประเทศไทย 1.4 พันแห่งใน 5 รูปแบบ ได้แก่ เอ็กซ์ตรา ไฮเปอร์มาร์เกต ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ตลาด และเอ็กซ์เพรส มีลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวน 12 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทั้งยังมีการให้บริการชอปปิ้งออนไลน์แก่ลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยลูกค้าจะได้รับความสะดวกสูงสุดจากการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารสดเป็นจำนวนกว่า 2 หมื่นรายการ
เทสโก้ โลตัส เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยเมื่อปี 2538 โดยมีการส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยประเภทต่างๆ ผ่านเครือข่ายสาขาของกลุ่มเทสโก้กว่า 6.5 พันสาขาทั่วโลก ทั้งในสหราชอาณาจักร ยุโรปกลาง และเอเชีย โดยมูลค่าการส่งออกมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จากมูลค่า 8 พันล้านบาทในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 1.25 หมื่นล้านบาทในปี 2554 และเพิ่มเป็น 1.35 หมื่นล้านบาทในปี 2555 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556/2557 ตั้งเป้าหมายที่จะซื้อผักและผลไม้สดรวม 1.2 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปี 2554/2555 ประมาณ 45%
“ปัจจุบันเรามีการส่งออกสินค้าไทยหลากหลายประเภท เช่น กุ้ง ไก่ อาหารกระป๋อง ผัก ผลไม้ ข้าว อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ โดยวางจำหน่ายสินค้าไทยเหล่านี้ในร้านเทสโก้รวม 12 ประเทศ สามารถเข้าถึงลูกค้าประมาณ 65 ล้านรายทั่วโลก โดยตลาดส่งออกของเราส่วนใหญ่ยังคงเป็นยุโรปกลางประมาณ 90% ทั้งในสาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย ฮังการี โปแลนด์ และสหราชอาณาจักรซึ่งถือเป็นตลาดหลัก ส่วนอีก 10% เป็นตลาดในเอเชีย
เผยตลาดส่งออกยุโรปเริ่มชะลอ เบนเป้าใหม่พื้นที่ฝั่งตะวันออกจีน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ดำเนินโครงการมากมายเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการจัดเทศกาลผลไม้ไทยในห้างเทสโก้ ที่สหราชอาณาจักร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมการพบปะทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตไทยกับฝ่ายจัดซื้อของกลุ่มเทสโก้เพื่อขยายโอกาสการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลกอีกด้วย
“ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าปลีกชั้นนำของไทย เรามุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพและเครือข่ายธุรกิจของเราให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไทยและเศรษฐกิจไทยโดยรวม โดยเฉพาะด้านการส่งออก ซึ่งแม้ในปี 2556 เราไม่ได้ตั้งเป้าเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรปซึ่งถือเป็นตลาดหลัก เราจึงให้ความสำคัญในการผลักดันสินค้าไทยชนิดใหม่ๆ โดยเฉพาะสินค้าโอทอปจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปทำตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งหลังจากผ่านครึ่งปีแรกของปี 2556 มีอัตราการขยายตัวทางจีดีพีสูงถึง 7.7% ขณะที่ในเบื้องต้นรัฐบาลจีนตั้งเป้าทั้งปีเพียง 7.5%”
กลุ่มเทสโก้เริ่มดำเนินธุรกิจค้าปลีกในสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 2547 โดยปัจจุบันมีร้านค้าปลีกภายใต้ชื่อ “เทสโก้” รวม 132 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบไฮเปอร์มาร์เกต 117 สาขา เอ็กซ์ตรา 1 สาขา และกำลังอยู่ในช่วงทดลองให้บริการในรูปแบบเอ็กซ์เพรส 14 สาขา มีพนักงานรวมทั้งสิ้นกว่า 2.6 หมื่นคน มีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่อสัปดาห์ประมาณ 4.4 ล้านคน
“จีนเป็นตลาดสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ โดยสาขาส่วนใหญ่ของร้านเทสโก้ล้วนอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกคือมณฑลเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เพราะถือเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ขณะเดียวกันยังมีประชากรอยู่อาศัยรวมกว่า 660 ล้านคน ถือเป็นจำนวนประชากรที่มากกว่าประชากรทั้งหมดของสหภาพยุโรปรวมกัน ทั้งยังจัดเป็นกลุ่มประชากรที่มีอัตราการบริโภคสูงถึง 5 หมื่นบาทต่อคนต่อเดือน ช่วงนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่กลุ่มเทสโก้กำลังทบทวนกลยุทธ์ว่าจะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นในจีนอีกเท่าใด เพราะรัฐบาลจีนอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพื้นที่เศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันจีนถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มาก จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการลงทุนที่ถูกต้องในพื้นที่ที่เหมาะสม
จัดเทศกาลผลไม้และอาหารทะเลไทย หวังเร่งทำยอดขาย 120 ตันใน 4 สัปดาห์
ล่าสุด เทสโก้ โลตัสได้จัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการจัด “เทศกาลผลไม้และอาหารทะเลไทย” ภายในร้านเทสโก้ทั้ง 132 สาขาในประเทศจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวจีนกว่า 4.4 ล้านคนที่มาจับจ่ายที่ร้านเทสโก้มีโอกาสบริโภคผลไม้และอาหารทะเลไทยในราคาที่เหมาะสม โดยผลไม้ที่นำมาจำหน่าย ได้แก่ ลำไย มะม่วง มังคุด ลองกอง เงาะ มะพร้าว และทุเรียน นอกจากนี้ยังมีการจัดชิมสินค้าโอทอปประเภทผลไม้อบแห้ง เพื่อเป็นการแนะนำสินค้าใหม่ๆ แก่ลูกค้าชาวจีนอีกด้วย
“เราหวังว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำตลาดประเทศจีน เพราะที่ผ่านมาแม้เราจะมีการวางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย แต่ไม่เคยมีการแนะนำสินค้าไทย หรือจัดกิจกรรมในลักษณะพิเศษแบบนี้มาก่อน โดยกิจกรรมนี้จะจัดต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายผลไม้ทุกชนิดรวมกันเป็นจำนวน 120 ตัน นอกจากนี้ยังได้วางแผนที่จะร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมถึงจัดให้มีกิจกรรมการพบปะทางธุรกิจระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าจีน เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในประเทศอังกฤษมาแล้ว”
เปิดตัว “ชอปปิ้งออนไลน์” พร้อมแนะนำสินค้าใหม่เพิ่ม
น.ส.สลิลลากล่าวด้วยว่า ร้านเทสโก้ในมณฑลเซี่ยงไฮ้มีการนำเข้าผลไม้จากยุโรปเป็นหลัก ตามด้วยกลุ่มประเทศในเอเชีย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 850 ล้านบาท โดยนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นลำดับ 2 ของเอเชีย คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท หรือประมาณ 20% จากสัดส่วนผลไม้นำเข้าจากเอเชีย โดยในปี 2556 เทสโก้ โลตัสมีเป้าหมายที่จะทำยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 300 ล้านบาท
“ปัจจุบันตลาดสดในเซี่ยงไฮ้เริ่มลดน้อยลงมาก ขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวจีนก็เริ่มนิยมซื้อสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนชาวจีนวิตกกังวลเรื่องโรคระบาดจากผักและผลไม้ จึงทำให้เชื่อมั่นว่าสินค้านำเข้ามีคุณภาพและความสะอาดปลอดภัยสูง ในอนาคตเราจึงมีแผนส่งออกสินค้าประเภทเครื่องปรุงอาหาร ขนมขบเคี้ยว ขนมปัง แครกเกอร์ คุกกี้ และอื่นๆ รวมถึงสินค้าประเภทเฮาส์แบรนด์และผลไม้อบแห้งจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาทำตลาดเพิ่มมากขึ้น”
สำหรับภาวการณ์การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในมณฑลเซี่ยงไฮ้ยังคงเป็นเรื่องความหลากหลายของสินค้าและราคา ในขณะที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 ราย คือ ร้านเทสโก้, คาร์ฟูร์ และวอลล์มาร์ท ซึ่งมีจำนวนสาขาใกล้เคียงกัน โดยในส่วนของเทสโก้นั้นนอกจากจะเน้นเรื่องราคาแล้ว ยังเริ่มนำเทคโนโลยีชอปปิ้งออนไลน์มาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคชาวจีนมากขึ้น โดยเริ่มเปิดตลาดเมื่อประมาณกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
“เรามีนโยบายเชิงรุกในการทำตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันในส่วนของตลาดยุโรปเริ่มอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสูงแล้ว ช่วงนี้เราจึงจำเป็นต้องเร่งเพิ่มมาตรฐานการส่งออกสินค้าไปประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเข้าไปให้ความรู้แก่เกษตรกรไทยในด้านการปลูกพืชปลอดสารพิษเพื่อมาตรฐานการส่งออกไปยังประเทศจีน รวมถึงการแนะนำกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในการเพิ่มมาตรฐานโรงงานเพื่อการส่งออก จากนั้นจะเริ่มทำตลาดในประเทศเกาหลีใต้เป็นลำดับต่อไป”