“แมคโดนัลด์” เร่งสปีดสาขาครึ่งปีหลัง เหตุเปิดได้แค่ 4 แห่งจากเป้าทั้งปี 22 สาขา อ้างศูนย์การค้าสร้างล่าช้า โหมเปิดไดรฟ์ทรูมากขึ้น เผยกำลังซื้อตลาดไม่ดี ยอดขายสาขาเดิมโตต่ำกว่าปีที่แล้ว
นายเฮสเตอร์ ชิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ในไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเร่งขยายสาขาในช่วงครึ่งปีหลังให้มากขึ้น จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าภายในปีนี้จะขยายสาขาแมคโดนัลด์ใหม่ไว้ประมาณ 20 กว่าสาขา ลงทุนเฉลี่ย 20-40 ล้านบาทต่อสาขา แต่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังเปิดไม่ได้ตามเป้าหมาย ยังต่ำกว่าเป้าหมายคือเปิดได้เพียง 4 สาขาเท่านั้นเอง เนื่องจากว่าศูนย์การค้าหลายแห่งที่บริษัทเช่าพื้นที่ไว้ยังไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จตามแผนงาน ส่งผลต่อบริษัทฯ ไม่สามารถเปิดบริการร้านแมคโดนัลด์ตามแผนที่วางไว้เช่นกัน
ขณะที่สาขาในรูปแบบไดรฟ์ทรู (Drive Through) ก็จะเป็นอีกโมเดลหนึ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและขยายสาขามากขึ้น ตอบรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ที่ต้องเร่งรีบและบางครั้งต้องการกินแต่ไม่มีที่จอดรถ รวมทั้งโครงการรถคันแรกที่ทำให้มีรถออกสู่ตลาดมากขึ้น และโอกาสในการขายของไดรฟ์ทรูมีตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ยอดขายของโมเดลไดรฟ์ทรูมีมากกว่าร้านทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้ก็เป็นเป้าหมายของแมคโดนัลด์ด้วยในการรุกช่องทางไดรฟ์ทรูมากขึ้น ซึ่งจากตัวเลขที่บริษัทฯ เก็บสำรวจมาพบว่ามีปริมาณลูกค้าที่ใช้บริการไดรฟ์ทรูประมาณ 30% ของลูกค้าแมคโดนัลด์ทั้งหมด ปัจจุบันมีแมคโดนัลด์ไดรฟ์ทรูประมาณ 44 สาขา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีประมาณ 50 สาขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลงอันเนื่องมาจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ตลาดร้านอาหารจานด่วนหรือ Quick Service Restaurant (QSR) ในประเทศไทยนั้นก็ยังมีศักยภาพที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าบางปีตลาดรวมอาจจะดี บางปีตลาดรวมอาจจะตก แต่ก็เหมือนเศรษฐกิจมีขึ้นก็มีลงตลอด ซึ่งแมคโดนัลด์เองก็ยังคงต้องลงทุนต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายเฮสเตอร์ยอมรับว่า ช่วงนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคอาจจะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เพราะยังมีปัจจัยลบ อีกทั้งภาวะค่าครองชีพของผู้บริโภคก็สูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาหารเพิ่มขึ้นด้วย เช่น เนื้อสัตว์ไก่ หมู เพิ่มขึ้น 6% ผัก ผลไม้เพิ่มขึ้น 9% เป็นต้น ส่งผลให้ยอดขายของร้านแมคโดนัลด์เดิมเทียบระหว่างครึ่งปีที่แล้วเติบโต 10% เทียบกับครึ่งปีแรกปีนี้เติบโตเพียงแค่ 5% เท่านั้น แต่ปริมาณลูกค้าก็ยังเข้าร้านเหมือนเดิม แต่อาจจะลดการใช้จ่ายลงบ้าง
ปีนี้ธุรกิจรวมคิวเอสอาร์มีการเติบโตอยู่ประมาณ 15% แต่ในแง่แต่ละแบรนด์อาจจะโตน้อยกว่าปีที่แล้วแทบทุกราย ซึ่งทุกรายก็ยังคงต้องหันมามุ้งเน้นการส่งเสริมการขาย การจัดกิจกรรมการตลาด การออกเมนูใหม่ต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้านและสร้างยอดขายในที่สุด