“เครือสหพัฒน์” วูบสุดในรอบสิบปี อัดเศรษฐกิจ “ปู” พ่นพิษรอบด้าน

บอสใหญ่เครือสหพัฒน์บ่นอุบ นโยบายรัฐทุกด้านส่งผลอำนาจการซื้อผู้บริโภคลดลง เผยผลการดำเนินงานเครือสหพัฒน์โตต่ำสุดในรอบ 10 ปี ถึงขั้นปิดโรงงานผลิตถุงเท้า รองเท้า และเสื้อผ้าหลายแห่ง เตรียมจัดสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 17 หวังยอดขายในงานสะพัดกว่าปีก่อน 10%

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ชะลอตัวมาก อันเนื่องมาจากนโยบายรถยนต์คันแรก นโยบายรับจำนำข้าว การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังคงผันผวน โดยในส่วนของเครือสหพัฒน์ก็ได้รับผลกระทบทั้งด้านผลการดำเนินงานและรายได้ค่อนข้างมากจนอาจกล่าวได้ว่ามีการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยคาดว่าในปี 2556 จะมีการเติบโตเพียง 3-4%

“นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลแม้จะมีผลดีบ้าง แต่ไม่ได้ช่วยทำให้อำนาจการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินบาทที่แบงก์ชาติควรมีมาตรการควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมคือ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ รวมถึงควรมีการกำหนดมาตรการสนับสนุนการส่งออกให้สูงขึ้น เพราะทุกวันนี้หลายธุรกิจต่างขับเคลื่อนโดยใช้เกียร์ต่ำกันทั้งสิ้น”

ในส่วนของสหพัฒน์ยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพียงประมาณ 20% ทั้งยังต้องปิดโรงงานผลิตถุงเท้า รองเท้า และเสื้อผ้าเป็นจำนวนหลายแห่ง โดยคาดว่าในปี 2556 สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะยังคงชะลอตัวและมีอัตราการเติบโตของจีดีพีเพียง 2-3% เท่านั้น

สำหรับแผนการลงทุนของเครือสหพัฒน์ยังคงมีหลายโครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนกับประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับโครงการใหญ่สุดคือโครงการ “เจพาร์คช้อปปิ้งมอลล์” ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ในเขต อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ใกล้กับสวนอุตสาหกรรมศรีราชา โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวภายในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ ซึ่งหากได้รับผลตอบรับดีจะลงทุนในลักษณะเดียวกันที่ จ.ลำพูนเป็นลำดับต่อไป

สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 17 หวังยอดขายในงานสะพัดกว่าปีก่อน 10%
ด้านนายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า ปีนี้ทางเครือสหพัฒน์ได้จัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ขึ้นเป็นปีที่ 17 เริ่มตั้งแต่ 27-30 มิ.ย.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด An Honest World ซื่อสัตย์ ซื่อตรง อย่างจริงใจ

โดยงบการจัดงานในปีนี้จะใช้มากกว่าปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่การจัดงานออกไปยังนอกอาคารโดยติดเครื่องปรับอากาศ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 บูท เช่น กลุ่มอาหาร, เครื่องดื่ม, ของใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้า, เครื่องหนัง, รองเท้า, เครื่องสำอาง, เครื่องกีฬา และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ มั่นใจว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดภายในงานมากกว่าปีก่อนอีก 10% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท หรือคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

ไอ.ซี.ซี.วืดเป้า โตต่ำกว่า 10%
นายบุญเกียรติกล่าวต่อว่า ในส่วนของ ไอ.ซี.ซี. ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้ต่ำกว่าเป้าค่อนข้างมาก จากปกติน่าจะเติบโตราว 10% ส่วนสำคัญมาจากเรื่องของ 1. ค่าแรง 300 บาทที่ส่งผลให้หลายโรงงานต้องปิดตัวลงเพราะปรับตัวไม่ทัน คนงานตกงาน กำลังซื้อจึงตกลง มีผลต่อการส่งออกตามมา ต่างประเทศหันสั่งออเดอร์จากประเทศอื่นแทน เพราะต้นทุนของไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าแรง และ 2. นโยบายรถคันแรก ทำให้คนหันไปใช้เงินกับเรื่องของรถยนต์มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยขณะนี้เริ่มนิ่งแล้ว 3. ค่าเงินผันผวน และ 4. ความไม่แน่นอนทางการเมืองล้วนส่งผลต่อกำลังซื้อให้ลดลง ดังนั้น ทั้งปีนี้รายได้ของ ไอ.ซี.ซี.จึงน่าจะโตน้อยกว่า 10% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เติบโต 15% และ 10% ตามลำดับ