“ธีร์โฮลดิ้ง” ปักธงแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีดับเบิลรายได้ทะลุ 4,000 ล้านบาท ดันทุกกลุ่มทุกแบรนด์เป็นผู้นำรวมให้ได้ พร้อมซุ่มขยายไลน์สินค้าแบรนด์ใหม่ ทุ่มงบตลาด 100 ล้านบาทลุยทุกปี
นายวิชัย เอี่ยมแสงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือทียูเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางยุทธศาสตร์ของธุรกิจไว้ว่าภายใน 5 ปีจากนี้ (2556-2560) ซึ่งเริ่มทยอยมาตั้งแต่ไตรมาสที่สามปีที่แล้วแต่จริงจังในปีนี้จะต้องสร้างการเติบโตรายได้เป็น 2 เท่า หรือมูลค่า 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีประมาณ 2,000 ล้านบาท
และสินค้าทุกตัวจะต้องมีแชร์เพิ่มขึ้นหรืออย่างน้อยเป็นผู้นำในตลาดทุกกลุ่ม โดยใช้งบการตลาดเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อปี
รวมทั้งการขยายสินค้ากลุ่มใหม่ๆ และการแตกไลน์ในสินค้าและแบรนด์เดิมให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยนวัตกรรมทางการผลิตและการตลาดทั้งตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้ย้ายออฟฟิศมาที่ตึกสาทรสแควร์เพื่อสร้างความสะดวกในการดำเนินงานและติดต่อลูกค้า ส่วนที่เดิมที่บางบอนจะเป็นเพียงศูนย์กระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม มีแผนที่จะสร้างคลังสินค้าเพิ่มอีกรับการเติบโตด้วย
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ตั้งแผนกฟูดเซอร์วิสอย่างเป็นทางการเพื่อบุกตลาดช่องทางร้านอาหารโดยนำเอาผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น กลุ่มฟิชโช กลุ่มซีเล็คทูน่า เข้าไปทำโคโปรโมชันหรือนำไปทำเป็นเมนูอาหารบริการในร้านพันธมิตรที่เริ่มทำกันแล้ว เช่น ร้านนารายณ์พิซเซอเรีย ร้านเอสแอนด์พี เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าหลักคือ แบรนด์ซีเล็ค แบรนด์ฟิชโช และแบรนด์เบลลอตต้า ซึ่งปีนี้จะมีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่องและทำตลาดในเชิงรุกทุกแบรนด์
“ในอนาคตเราจะออกสินค้าแบรนด์ใหม่และกลุ่มใหม่เพื่อการเติบโต โดยใช้ความแข็งแกร่งของบริษัทแม่ที่มีมากได้ด้วยเรื่องวัตถุดิบผลิตอาหารทะเล เช่น ตลาดสแน็ก ตลาดอาหารทะเลที่จะแปรสภาพมาเป็นอาหารพร้อมรับประทานก็ได้ หรือสินค้าใหม่ที่เพิ่งวางตลาด เช่น ปลาซาร์ดีนแมคเคอเรลในกลุ่มปรุงรสครบทั้งราดพริก ฉู่ฉี่ กระเทียมพริกไทย พริกผง
ขณะที่คู่แข่งแบรนด์อื่นมีไม่ครบแบบเรา และกลางเดือนนี้ก็เพิ่งวางตลาดปลาซาร์ดีนแมคเคอเรลสับปรุงรส ส่วนฟิชโชก็จะออกรสชาติใหม่อีก จะเปิดตัวสัปดาห์นี้ เบลลอตต้าก็เพิ่มเอสเคยูให้”
นอกจากนั้นจะขยายตลาดไปยังตลาดต่างจังหวัดชานเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะประเภทสินค้าที่บางส่วนยังไม่ครบตามเอสเคยูที่มี หรือยังไม่ครบเครือข่ายของพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันช่องทางจำหน่ายมีครบทั้งโมเดิร์นเทรด และเทรดดิชันนัลเทรดอย่างละครึ่ง และในอนาคตอาจจะมีการรับจัดจำหน่ายสินค้านอกเครือก็ได้
ทั้งนี้ ตลาดรวมปลากระป๋องมีมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ซีเล็คทั้งหมดมีแชร์ 20% เป็นอันดับ 2 ในตลาดรวม หากแบ่งเป็นกลุ่มปลาทูน่าตลาดรวม 700 ล้านบาท ซีเล็คเป็นผู้นำแชร์ 44% ส่วนกลุ่มซาร์ดีนแมคเคอเรลตลาดรวมมูลค่า 5,300 ล้านบาท แบรนด์ซีเล็คติดท็อปโฟร์ แชร์ 10% โดยผู้นำคือแบรนด์สามแม่ครัว โรซ่า และปุ้มปุ้ย ซึ่งตามแผน 5 ปี ซีเล็คจะต้องขึ้นเป็นผู้นำให้ได้ทุกกลุ่ม
ส่วนตลาดปลาเส้น มูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท แบรนด์ฟิชโชติดท็อปทรีด้วยแชร์ 12% โดยมีแบรนด์ทาโรเป็นผู้นำด้วยแชร์ 50% อันดับสองคือ เบนโตะ แชร์ 25% โดยตามแผน 5 ปี ฟิชโชจะต้องก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ให้ได้
ขณะที่ตลาดรวมอาหารสุนัขและแมวมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารเปียกมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์บารอตต้าอยู่ในกลุ่มนี้มีแชร์ 6% โดยสัดส่วนรายได้มาจากซีเล็ค 65% ฟิชโช 30% และเบลลอตต้า 5%
นายวิชัยกล่าวถึงตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วยว่า จากกรณีที่จะเปิดเออีซีในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมรุกตลาดเออีซี ซึ่งปัจจุบันก็มีการทำธุรกิจอยู่แล้วในอินโดไชน่า เช่น ลาว กัมพูชา มีการตั้งดิสทริบิวเตอร์จำหน่าย รวมทั้งที่ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ล่าสุดเตรียมรุกเข้าตลาดอินโดนีเซีย