ตลาดรวมปลากระป๋องไทย 6.2 พันล้านบาท โตต่ำแค่ปีละ 3-5% เหตุกำลังซื้อผู้บริโภคอิ่มตัว “ซีเล็ค” จัดงบตลาดร่วม 100 ล้านบาทปลุกกระแสตลาด หวังครองผู้นำผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนแมคเคอเรล พร้อมรักษาแชมป์และเพิ่มส่วนแบ่งปลาทูน่าเป็น 50% ใน 5 ปี
นายวิชัย เอี่ยมแสงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ทำการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ “ซีเล็ค” ในเครือบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ทียูเอฟ” เปิดเผยว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่อัตราการซื้อของผู้บริโภคยังคงมีไม่สูงมากนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบหลังจากปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะในส่วนของตลาดอาหารสำเร็จรูปประเภทปลากระป๋องในปี 2555 ยังคงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียงปีละ 3-5% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นปลาซาร์ดีนแมคเคอเรล 5.2 พันล้านบาท และปลาทูน่า 1 พันล้านบาท
สำหรับผลิตภัณฑ์ซีเล็คถือเป็นผู้นำตลาดในส่วนของปลาทูน่ากระป๋อง ด้วยสัดส่วนประมาณ 44% ขณะที่มีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องประมาณ 10% อยู่ใน 3 อันดับแรกของผู้นำตลาด โดยเฉพาะในปี 2556 บริษัทมีนโยบายกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนแมคเคอเรลประเภททอดเพิ่มอีก 6 ประเภท และผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า 2 ประเภท พร้อมทั้งจัดแคมเปญครบรอบ 20 ปีภายใต้ชื่อ “รวยระเบิดกระป๋องแจกทองทุกสัปดาห์” โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคลุ้นรับทองคำมูลค่า 20,000 บาท จำนวน 2 รางวัลทุกสัปดาห์ และปิดท้ายกับรางวัลใหญ่ในสัปดาห์สุดท้ายด้วยทองคำมูลค่า 20 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้นถึง 30%
“ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ซีเล็คมีการเตรียมแผนการตลาดรอบด้าน พร้อมทั้งยังมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาชนิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งปลาแซลมอน ปลาซาบะ และอื่นๆ ขณะเดียวกันยังมีการปรับรสชาติให้เข้มข้นถูกใจผู้บริโภคมากขึ้น โดยเน้นการใช้ปลาชิ้นใหญ่ พร้อมซอสคุณภาพดีจากมะเขือเทศดอยคำเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้ผู้บริโภคมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลกว่า 16 ชนิด และปลาทูน่ากว่า 35 ชนิด”
ซีเล็คมีการจัดงบประมาณการตลาดปีละ 80-100 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2556 จะยังคงมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% โดยในปีนี้จะเน้นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้ารายย่อยทุกพื้นที่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 85-90% จากปัจจุบันที่ยังคงมีเพียง 60% นอกจากนั้นยังจะเริ่มทำการตลาดโดยร่วมกับธุรกิจแคเทอริ่งในการนำผลิตภัณฑ์ซีเล็คเข้าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารหลัก โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในเดือน ก.ค. ศกนี้
“ด้วยเหตุที่ผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้ออิ่มตัว แต่เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น เราจึงจำเป็นต้องกระตุ้นตลาดให้ตื่นตัวมากขึ้น โดยในส่วนของซีเล็คได้มีการรีเฟรชโลโก้ ฉลาก พร้อมบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ประมาณ 6 เดือนเพื่อสร้างความจดจำใหม่ให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของซีเล็คในความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งในส่วนของปลาซาร์ดีนแมคเคอเรล และปลาทูน่า โดยมีเป้าหมายว่าจะผลักดันยอดขายของปลากระป๋องให้ขึ้นอันดับหนึ่งของตลาด พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนของปลาทูน่าเป็น 50% ภายใน 5ปี”
สำหรับปี 2556 บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้น 15% โดยกำหนดรายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง 65% และผลิตภัณฑ์สแน็ก 35%