ASTVผู้จัดการรายวัน - DPAC เผยแผนธุรกิจ 3 ปีมุ่งสู่ยอดขาย 2 พันล้านบาท ใส่เกียร์เดินหน้าพร้อมกันทั้งกระบวนการ ตั้งแต่สร้างโรงงานใหม่ในพม่าและลาว พร้อมเจาะตลาดห้างฯ เวียดนาม มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ หลังบุกเข้าห้างฯ Park’n Shop ฮ่องกงมาแล้ว ก่อนเดินหน้าต่อที่ศรีลังกา และบังกลาเทศ ด้านตลาดในประเทศเตรียมเพิ่มคลังสินค้าที่ขอนแก่น และพิษณุโลก หรือกำแพงเพชร เพื่อขยายพื้นที่จำหน่ายในภาคอีสาน และเหนือ
นายเมธี อธิจิตสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ DPAC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกชนิดอ่อนรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศภายใต้ชื่อแบรนด์ “สวัสดี” และ “Hero” พร้อมทั้งมีผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกภายใต้ชื่อ “D” โดยมีโรงงานตั้งอยู่บริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 1.1 หมื่นตันต่อเดือน ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยในอนาคตอันใกล้จะมีการเพิ่มกำลังผลิตเฉพาะในส่วนของถุงขยะอุตสาหกรรมอีกประมาณ 2.5-3 พันต่อต่อเดือน
ในปี 2555 บริษัทมียอดขายประมาณ 900 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์แบรนด์ “D” ประมาณ 50% แบรนด์ “สวัสดี” 30% และแบรนด์ “Hero” 20% โดยรายได้หลักประมาณ 60-65% เป็นการส่งออกทั่วทุกภูมิภาคทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และอื่นๆ ส่วนที่เหลือประมาณ 35-40% เป็นการจำหน่ายในประเทศและตลาดอาเซียน โดยบริษัทมีการกำหนดแผนดำเนินธุรกิจ 3 ปีว่า ภายในปี 2556 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 พันล้านบาท ต่อจากนั้นในปี 2557 จะเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านบาท และขยับสู่เป้าหมาย 2 พันล้านบาทในปี 2558 พร้อมทั้งขยายฐานตลาดอาเซียนได้ครบทุกประเทศ รวมทั้งขยายตลาดอื่นๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้บริษัทมีการร่วมลงทุนและทำตลาดในประเทศต่างๆ พร้อมกันไปอย่างคู่ขนานเพื่อรองรับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558
“บริษัทมียอดขายในตลาดอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสัดส่วนรายได้เพียง 2-3% เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จนกระทั่งปี 2555 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% หลังจากเปิดตลาดเออีซีในปี 2558 โดยในปี 2555 รายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 150 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาทในปี 2556”
ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงกำหนดแผนลงทุนร่วมกับบริษัท Main Stream Trading จำกัด ผู้แทนจำหน่ายในประเทศพม่าเพื่อก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ประมาณ 10-20 ไร่ในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่อดำเนินการผลิตถุงพลาสติกหิ้วใสขนาดต่างๆ ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 400-500 ตันต่อเดือน ส่วนเงินลงทุนคาดว่าจะใช้ประมาณ 400 ล้านบาท โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปสัดส่วนการลงทุนว่าจะเป็นในรูปแบบใดระหว่างร้อยละ 55 ต่อ 45 หรือร้อยละ 51 ต่อ 49
ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะลงทุน 400 ล้านบาทเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานในประเทศลาว แต่จะทำการผลิตเพื่อส่งกลับมายังประเทศไทย 90% และจำหน่ายภายในประเทศลาวเพียง 10% เนื่องจากตลาดยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พร้อมกันนั้นบริษัทยังมีแผนการทำตลาดในลักษณะจัดจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าของประเทศเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยทุกโครงการจะดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อให้เห็นผลภายในช่วงปลายปี 2556 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2557
“นอกจากตลาดอาเซียนแล้ว ขณะนี้เรายังได้เริ่มมีการจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้า Park’n Shop ประเทศฮ่องกง ทั้งยังเริ่มมีการทำตลาดต่อเนื่องในประเทศศรีลังกา และบังกลาเทศควบคู่ไปด้วย โดยใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดประมาณ 20-30 ล้านบาท”
ในส่วนของการจำหน่ายในประเทศนั้น แบ่งเป็นการผลิตในลักษณะรับจ้างผลิต (OEM) ให้โมเดิร์นเทรดและเฮาส์แบรนด์ต่างๆ ทั้งเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร และอื่นๆ ประมาณ 70% งานประมูลราชการประมาณ 20% และผลิตให้บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ประมาณ 10% โดยบริษัทมีแผนลดสัดส่วนการผลิตในลักษณะ OEM ให้เหลือ 50% ภายใน 3 ปีเพื่อเน้นทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น
อนึ่ง บริษัทยังมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายชนิดภายใต้แบรนด์ “Hero” ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจาะตลาดระดับกลางถึงบน โดยปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้า 2 แห่งที่ จ.ชลบุรี เพื่อเก็บสินค้าจำนวน 700 ตัน และคลังสินค้าบางบอน เก็บสินค้าจำนวน 300 ตัน โดยจะมีการเพิ่มคลังสินค้าอีก 2 แห่งเพื่อทำตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยเบื้องต้นสรุปพื้นที่ใน จ.ขอนแก่นเพื่อเก็บสินค้าประมาณ 400 ตัน ส่วนอีก 1 แห่งเป็นคลังสินค้าขนาด 200 ตัน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ใน จ.พิษณุโลก และกำแพงเพชร