“สตาร์แฟชั่น” เล็งรุกอาเซียน เริ่มตลาดอินโดจีนก่อน เตรียมยกพลทั้งโลคัลแบรนด์และอินเตอร์แบรนด์ลุย พร้อมจ่อนำเข้าอีก 5 แบรนด์ใหม่ปีนี้เสริมทัพ เผยรองเท้าฟิตฟล็อปไทยเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้เติบโต 25%
นายสุกฤษ วารีราชอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สตาร์แฟชั่น (2551) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าและรองเท้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะรุกตลาดอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีขนาดใหญ่มากกว่า 600 ล้านคน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคด้านแฟชั่นแต่ละประเทศมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะนำเอาทั้งโลคัลแบรนด์ที่เป็นของเราเอง และอินเตอร์แบรนด์ที่บริษัทฯ ได้รับลิขสิทธิ์มาเข้าไปทำตลาด ซึ่งในเบื้องต้นนี้ให้ความสำคัญไปที่ประเทศ พม่า ลาว กัมพูชา ก่อน เนื่องจากบางประเทศ เช่น มาเลเซีย ก็มีคู่ค้าของเราทำตลาดอยู่แล้ว หรือสิงคโปร์ก็ไม่ได้โดดเด่นเรื่องแฟชั่นการแต่งกายมากนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ทำตลาดแล้วในระดับหนึ่ง คือ นำแบรนด์ของเราเองคือเสื้อผ้าฮาซาร์ดเข้าไปจำหน่ายในพม่าผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ของเราที่แต่งตั้งขึ้นมานานเกือบ 10 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าทำตลาดในไทยมากกว่า 30 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นสไตล์ลำลองและแฟชั่น เช่น ฮาซาร์ด การ์แบง เป็นของบริษัทฯ เอง นอกนั้นเป็นลิขสิทธิ์ เช่น รองเท้าฟิตฟล็อปจากอังกฤษ รองเท้าเนทีฟจากแคนาดา บ็อกซ์เฟรชจากอังกฤษ เสื้อผ้าโคลอมเบีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีแผนที่จะนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดในไทยอีกประมาณ 5 แบรนด์ เป็นเสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา สไตล์ลำลอง เริ่มเดือน 7 เปิดตัวเสื้อผ้าผู้ชายแบรนด์ใหม่ ขณะที่ปีที่แล้วได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ประมาณ 5 แบรนด์ เช่น เสื้อผ้าบ็อกซ์เฟรช
นอกจากนั้นจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มอีก จากปัจจุบันมี 5 รูปแบบ คือ 1. ช่องทางเคาน์เตอร์ในห้างทั้งแผนกรองเท้า แผนกเสื้อผ้า 2. ร้านชูส์คาเฟ่ มีรองเท้าและบริการขายเครื่องดื่มกาแฟด้วย คาดว่าสิ้นปีจะมี 12 สาขา สาขาใหม่ที่จะเปิด เช่น เดอะพรอเมนาดเชียงใหม่ เซ็นทรัลหาดใหญ่ ลงทุนสาขาละ 12 ล้านบาท 2. ร้านชูส์สตูดิโอ พื้นที่เล็กกว่าแบบแรกแต่ไม่มีเครื่องดื่มกาแฟจำหน่าย ขณะนี้มี 15 สาขา ลงทุน 3 ล้านบาทต่อสาขา ยังไม่มีแผนเปิดเพิ่ม 3. ร้านเอ็มโอยู เป็นร้านรองเท้า เสื้อผ้าของผู้ชายโดยเฉพาะ เปิดสาขาแรกที่เมกะบางนาไปแล้วบนพื้นที่ 200 ตารางเมตร เตรียมเปิดสาขาในเมืองเร็วๆ นี้ 1 แห่ง 4. ร้านแบรทแพค มีสาขาที่ห้างเซน พื้นที่ 70 ตารางเมตร เป็นร้านแบบนิชมาร์เกต รวมมี 3 สาขา จะเปิดอีกที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ ทั้งนี้ ทุกรูปแบบนอกจากเคาน์เตอร์คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรวม 30 แห่ง
ล่าสุดเดือนกรกฎาคมนี้จะเปิดร้านรองเท้าเฉพาะแบรนด์ฟิตฟล็อป ซึ่งเป็นแฟลกชิบสโตร์ใหญ่ที่สุดในอาเซียนนี้ พื้นที่ 120 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ลงทุน 7 ล้านบาทเฉพาะค่าตกแต่ง และปลายปีจะเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเชียงใหม่
ปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบการตลาดไว้รวม 22 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 17 ล้านบาท เนื่องจากมีแบรนด์เพิ่มขึ้นและต้องการทำตลาดแต่ละแบรนด์มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะแบรนด์ฟิตฟล็อป ซึ่งจะมีกิจกรรมและคอลเลกชันใหม่ต่อเนื่อง
สำหรับยอดขายของรองเท้าฟิตฟล็อปในไทยมีอัตราเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน 70% ปีที่แล้วจำหน่ายได้ประมาณ 70,000 คู่ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายฟิตฟล็อป 1,600 ล้านบาท แต่ที่ฟิลิปปินส์มียอดขายสูงสุด อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกยอดขายฟิตฟล็อปตกเล็กน้อยเพราะว่าคอลเลกชันใหม่มาไม่ตรงตามเวลา เติบโตแค่ 5% จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 8%
สำหรับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20-25% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อนหน้า โดยแบรนด์ฟิตฟล็อปมีสัดส่วนรายได้หลัก 30% และแบรนด์ฮาซาร์ด 30% เช่นกัน
นายสุกฤษ วารีราชอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สตาร์แฟชั่น (2551) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าและรองเท้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะรุกตลาดอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีขนาดใหญ่มากกว่า 600 ล้านคน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคด้านแฟชั่นแต่ละประเทศมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะนำเอาทั้งโลคัลแบรนด์ที่เป็นของเราเอง และอินเตอร์แบรนด์ที่บริษัทฯ ได้รับลิขสิทธิ์มาเข้าไปทำตลาด ซึ่งในเบื้องต้นนี้ให้ความสำคัญไปที่ประเทศ พม่า ลาว กัมพูชา ก่อน เนื่องจากบางประเทศ เช่น มาเลเซีย ก็มีคู่ค้าของเราทำตลาดอยู่แล้ว หรือสิงคโปร์ก็ไม่ได้โดดเด่นเรื่องแฟชั่นการแต่งกายมากนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ทำตลาดแล้วในระดับหนึ่ง คือ นำแบรนด์ของเราเองคือเสื้อผ้าฮาซาร์ดเข้าไปจำหน่ายในพม่าผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ของเราที่แต่งตั้งขึ้นมานานเกือบ 10 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าทำตลาดในไทยมากกว่า 30 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นสไตล์ลำลองและแฟชั่น เช่น ฮาซาร์ด การ์แบง เป็นของบริษัทฯ เอง นอกนั้นเป็นลิขสิทธิ์ เช่น รองเท้าฟิตฟล็อปจากอังกฤษ รองเท้าเนทีฟจากแคนาดา บ็อกซ์เฟรชจากอังกฤษ เสื้อผ้าโคลอมเบีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีแผนที่จะนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดในไทยอีกประมาณ 5 แบรนด์ เป็นเสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา สไตล์ลำลอง เริ่มเดือน 7 เปิดตัวเสื้อผ้าผู้ชายแบรนด์ใหม่ ขณะที่ปีที่แล้วได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ประมาณ 5 แบรนด์ เช่น เสื้อผ้าบ็อกซ์เฟรช
นอกจากนั้นจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มอีก จากปัจจุบันมี 5 รูปแบบ คือ 1. ช่องทางเคาน์เตอร์ในห้างทั้งแผนกรองเท้า แผนกเสื้อผ้า 2. ร้านชูส์คาเฟ่ มีรองเท้าและบริการขายเครื่องดื่มกาแฟด้วย คาดว่าสิ้นปีจะมี 12 สาขา สาขาใหม่ที่จะเปิด เช่น เดอะพรอเมนาดเชียงใหม่ เซ็นทรัลหาดใหญ่ ลงทุนสาขาละ 12 ล้านบาท 2. ร้านชูส์สตูดิโอ พื้นที่เล็กกว่าแบบแรกแต่ไม่มีเครื่องดื่มกาแฟจำหน่าย ขณะนี้มี 15 สาขา ลงทุน 3 ล้านบาทต่อสาขา ยังไม่มีแผนเปิดเพิ่ม 3. ร้านเอ็มโอยู เป็นร้านรองเท้า เสื้อผ้าของผู้ชายโดยเฉพาะ เปิดสาขาแรกที่เมกะบางนาไปแล้วบนพื้นที่ 200 ตารางเมตร เตรียมเปิดสาขาในเมืองเร็วๆ นี้ 1 แห่ง 4. ร้านแบรทแพค มีสาขาที่ห้างเซน พื้นที่ 70 ตารางเมตร เป็นร้านแบบนิชมาร์เกต รวมมี 3 สาขา จะเปิดอีกที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ ทั้งนี้ ทุกรูปแบบนอกจากเคาน์เตอร์คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรวม 30 แห่ง
ล่าสุดเดือนกรกฎาคมนี้จะเปิดร้านรองเท้าเฉพาะแบรนด์ฟิตฟล็อป ซึ่งเป็นแฟลกชิบสโตร์ใหญ่ที่สุดในอาเซียนนี้ พื้นที่ 120 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ลงทุน 7 ล้านบาทเฉพาะค่าตกแต่ง และปลายปีจะเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเชียงใหม่
ปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบการตลาดไว้รวม 22 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 17 ล้านบาท เนื่องจากมีแบรนด์เพิ่มขึ้นและต้องการทำตลาดแต่ละแบรนด์มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะแบรนด์ฟิตฟล็อป ซึ่งจะมีกิจกรรมและคอลเลกชันใหม่ต่อเนื่อง
สำหรับยอดขายของรองเท้าฟิตฟล็อปในไทยมีอัตราเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน 70% ปีที่แล้วจำหน่ายได้ประมาณ 70,000 คู่ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายฟิตฟล็อป 1,600 ล้านบาท แต่ที่ฟิลิปปินส์มียอดขายสูงสุด อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกยอดขายฟิตฟล็อปตกเล็กน้อยเพราะว่าคอลเลกชันใหม่มาไม่ตรงตามเวลา เติบโตแค่ 5% จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 8%
สำหรับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20-25% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อนหน้า โดยแบรนด์ฟิตฟล็อปมีสัดส่วนรายได้หลัก 30% และแบรนด์ฮาซาร์ด 30% เช่นกัน