ตราด - ธุรกิจค้าปลีกตราดเดือด หลังบริษัท สยาม แม็คโคร จำกัด เปิดสาขาที่ 60 หลังจากที่เทสโก้ โลตัส เปิดสาขาเมื่อปี 2555 ด้าน ปธ.สหกรณ์ตราด เผยเตรียมขยายสาขาสู้
วันนี้ (22 พ.ค.) นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตราดกำลังมีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ทำให้มีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงเปิดสาขาที่ จ.ตราด เพื่อให้บริการแก่ร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านโชวห่วย ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม
ทั้งนี้ ศักยภาพของ จ.ตราด สามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และในอนาคตจะมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ จ.ตราด เติบโตมากขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจค้าปลีกเติบโตขึ้นเช่นกัน ซึ่งแม็คโคร ก็จะเป็นเสมือนเพื่อนคู่ค้าของโชวห่วย ที่จะเติบโตไปพร้อมกัน
ด้าน น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า ทุกปีมีสินค้าจากไทยส่งผ่านท่าเรือ อ.คลองใหญ่ ไปยังกัมพูชา และเวียดนาม มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ปัจจุบันรัฐบาลมีโครงการยกระดับชายแดนตราดให้มีมาตรฐานสากล ซึ่งจะเกิดการลงทุนระดับนานาชาติขึ้นในอนาคต การที่ แม็คโคร มาตั้งสาขา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตราดว่ามีสูงมาก ทั้งนี้ แม็คโคร ยังเป็นเสมือนช่องทางระบายสินค้าเกษตรไปทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรตราดในอนาคต
นายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า การเปิดสาขาของแม็คโครนั้น หากมองในเชิงบวกจะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ มีการจ้างแรงงาน มีการจ่ายภาษีให้แก่ท้องถิ่น ทำให้นำมาพัฒนาท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หากมองอีกด้านหนึ่งร้านค้าปลีก และร้านค้าย่อยอาจได้รับผลกระทบบ้าง
นายจรินทร์ ภูษณภิบาลคุปต์ ประธานสหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า การเปิดสาขาของแม็คโครไม่มีผลกระทบต่อการค้าของสหกรณ์ เนื่องจากสหกรณ์มีฐานสมาชิกกว่า 11,500 คน แต่ละปีมูลค่าการค้ากว่า 1,000 ล้านบาท ขยายตัว 10-15% ทุกปี ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า สามารถระบายสินค้า และผลผลิตไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง การเปิดสาขาของห้างใหญ่จึงไม่มีผลกระทบต่อยอดขายของสหกรณ์
“อีกทั้งปลายปีนี้ สหกรณ์จะมีพื้นที่การค้ามากพอกับแม็คโคร และเทสโก้ โลตัส และยังมีพันธมิตรที่เป็นเครือข่ายให้ความร่วมมือกันเป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ลงทุนกว่า 150 ล้านบาท จะยิ่งทำให้การค้าปลีกต้องแข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งสหกรณ์มั่นใจว่าด้วยความเข้มแข็งขององค์กร และฐานสมาชิกที่แข็งแกร่ง จะทำให้แข่งขันกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ได้”
