ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ไทยรับสร้างบ้าน ชี้ตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดต่อต่อเนื่อง หลังดันผู้ประกอบการขยายสาขา เชื่อดึงรายใหม่เข้าสู่ระบบสำเร็จ พร้อมสร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภคต่อเนื่อง คาดดันมูลค่าตลาดรวมปี 58 เพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้าน ระบุสถาบันการเงินหนุนสินเชื่อกู้สร้างบ้านเป็นอีกปัจจัยช่วยผลักดันตลาดต่างจังหวัด ดึงกำลังซื้อและขยายตลาดรวมรับสร้างบ้านขยายตัวสูง ด้านพีดีเฮ้าส์ ปลื้มลูกค้าต่างจังหวัด ทั้ง "ใต้-อีสาน" แห่ใช้บริการเพียบ หลังร่วมออกบูทเปิดตัวในงานสถาปนิก’ 56 พร้อมอัดแคมเปญ “ลุ้นล้าน ลุ้นรถ” มั่นใจปีนี้รายได้1.5 พันล้านตามเป้า
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน หรือ THCA กล่าวว่า ในช่วง4เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านของกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ สามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดมาได้จากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยหรือตลาดบ้านสร้างเองเพิ่มขึ้น โดยพบว่ามีสัดส่วนขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแชร์ส่วนแบ่งที่ได้มาจากตลาดบ้านสร้างเองในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในแง่มูลค่าต่อหน่วยและปริมาณหน่วยที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภครับรู้และพอใจการใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน แทนการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยทั่วไปมากขึ้น รวมทั้งผู้บริโภคพร้อมจะลงทุนหรือใช้เงินเพื่อสร้างบ้านในราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลของสมาชิกระบุว่า ราคาบ้านต่อหน่วยเฉลี่ย 3.5-5 ล้านบาทได้รับความนิยมสูงสุด
“ตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต มีแนวโน้มขยายตัวและกลายโอกาสเปิดกว้าง สำหรับผู้ประกอบการรายเดิมที่มีความพร้อม และรายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านนี้ ในการที่จะขยายสาขาหรือเปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยที่ไม่ต้องแข่งขันกระจุกตัวอยู่เฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเหมือนเช่นที่ผ่านมา ดังนั้น หากผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ สามารถให้บริการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากที่สุดเท่าไร ก็ย่อมจะส่งผลให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านมีโอกาสเติบโตได้ตามกัน ทั้งนี้ สมาคมฯ เองก็ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะผลักดันให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน จากปัจจุบันมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2558”
นายสิทธิพร นายกสมาคมฯ กล่าวว่า สถิติที่ผ่านมา ผู้บริโภคที่เลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่จะใช้เงินออมในการลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่ โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 80-90% แต่ในปัจจุบันพบว่า ผู้บริโภคมีการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์มากขึ้น โดยสัดส่วนการใช้เงินออมลดลงเหลือเพียง 55-60% เท่านั้น จากการสอบถามผู้บริโภคถึงเหตุผลที่เลือกกู้ยืมเงินธนาคาร มีทั้งที่ระบุว่า “ยังไม่มีเงินออม แต่มีรายได้ประจำมากพอและพร้อมจะผ่อนชำระเป็นรายเดือน” และอีกเหตุผลหนึ่งระบุ “มีเงินออม แต่ต้องการเก็บไว้ลงทุนด้านอื่น” ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้สินเชื่อฯ กับธนาคารพาณิชย์นั้น นับว่ามีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคมีโอกาสสร้างบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น และทำให้ขนาดตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัด ที่ในอดีตมีความยุ่งยากในการจะกู้ยืมเงินเพื่อสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ให้ความสำคัญเหมือนเช่นปัจจุบัน
ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสสองนี้ ยังคงคึกคักใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯได้เข้าร่วมออกบูธในงานสถาปนิก’ 56 โดยนำทีมงานจาก 34 สาขาทั่วประเทศ มาพบกับผู้บริโภคเพื่อจะได้พูดคุยและเข้ามาปรึกษาหารือเรื่องการสร้างบ้านในต่างจังหวัด พร้อมเปิดตัวโปรโมชั่น “ลุ้นล้าน ลุ้นรถ” ภายในงานนี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้บริโภคที่ประสงค์จะสร้างบ้านในต่างจังหวัด มาลงทะเบียนไว้ที่บูธคิดเป็น 68% ของจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด ทั้งนี้ จังหวัดที่ผู้บริโภคสนใจจะสร้างบ้านหลังใหม่มากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ภูเก็ต หาดใหญ่ และจังหวัดอื่นๆ ตามลำดับ ในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้นผู้ลงทะเบียนระบุ สนใจจะสร้างบ้านทางฝั่งตะวันออกตอนบนของพื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุดได้แก่ บริเวณถนนรามอินทรา มีนบุรี เป็นต้น
สำหรับ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้แล้วทั้งสิ้น 430 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.4-1.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ ประเมินว่าระยะเวลาที่เหลืออีก 8 เดือนของปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยพิจารณาจากพื้นฐานและการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย รวมถึงพฤติกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วประเทศ ตลอดจนแผนการรุกขยายตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดของบริษัทฯ ที่วางไว้ทั้งในส่วนการลงทุนเปิดสาขาใหม่เอง และการขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ รายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยปี 2556 นี้มีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 38 สาขา ล่าสุดเตรียมเปิดสาขากาญจนบุรีอย่างเป็นทางการปลายเดือนพฤษภาคมนี้ นายพิศาล กล่าว
ด้าน นายปรีดา เฉลิมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครราชสีมา รับสร้างบ้าน จำกัด หนึ่งในสมาชิกสมาคมฯ ที่เปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในจังหวัดนครราชสีมามากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านในโคราชมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตลอด โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีมานี้ที่ประชากรจากจังหวัดอื่นเข้ามาจับจองซื้อที่ดินปลูกสร้างบ้านเป็นจำนวนมาก โดยเป็นผลมาจากน้ำท่วมใหญ่พื้นที่ภาคกลางและกรุเทพฯ เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา ทั้งนี้พื้นที่ที่มีการเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านแบ่งเป็น พื้นที่บริเวณอำเภอปากช่องและอำเภอสูงเนิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ใกล้นิคมโรงงานอุตสาหกรรม อีกพื้นที่หนึ่งที่มีการขยายตัวของที่อยู่อาศัยหรือตลาดรับสร้างบ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองและอำเภอพิมาย โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขาเปิดให้บริการรับสร้างบ้านอยู่ 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่องและอำเภอเมือง เพื่อรองรับกำลังซื้อในพื้นที่ที่กำลังเติบโต โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ 150 ล้านบาท
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน หรือ THCA กล่าวว่า ในช่วง4เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านของกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ สามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดมาได้จากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยหรือตลาดบ้านสร้างเองเพิ่มขึ้น โดยพบว่ามีสัดส่วนขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแชร์ส่วนแบ่งที่ได้มาจากตลาดบ้านสร้างเองในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในแง่มูลค่าต่อหน่วยและปริมาณหน่วยที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภครับรู้และพอใจการใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน แทนการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยทั่วไปมากขึ้น รวมทั้งผู้บริโภคพร้อมจะลงทุนหรือใช้เงินเพื่อสร้างบ้านในราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลของสมาชิกระบุว่า ราคาบ้านต่อหน่วยเฉลี่ย 3.5-5 ล้านบาทได้รับความนิยมสูงสุด
“ตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต มีแนวโน้มขยายตัวและกลายโอกาสเปิดกว้าง สำหรับผู้ประกอบการรายเดิมที่มีความพร้อม และรายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านนี้ ในการที่จะขยายสาขาหรือเปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยที่ไม่ต้องแข่งขันกระจุกตัวอยู่เฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเหมือนเช่นที่ผ่านมา ดังนั้น หากผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ สามารถให้บริการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากที่สุดเท่าไร ก็ย่อมจะส่งผลให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านมีโอกาสเติบโตได้ตามกัน ทั้งนี้ สมาคมฯ เองก็ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะผลักดันให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน จากปัจจุบันมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2558”
นายสิทธิพร นายกสมาคมฯ กล่าวว่า สถิติที่ผ่านมา ผู้บริโภคที่เลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่จะใช้เงินออมในการลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่ โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 80-90% แต่ในปัจจุบันพบว่า ผู้บริโภคมีการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์มากขึ้น โดยสัดส่วนการใช้เงินออมลดลงเหลือเพียง 55-60% เท่านั้น จากการสอบถามผู้บริโภคถึงเหตุผลที่เลือกกู้ยืมเงินธนาคาร มีทั้งที่ระบุว่า “ยังไม่มีเงินออม แต่มีรายได้ประจำมากพอและพร้อมจะผ่อนชำระเป็นรายเดือน” และอีกเหตุผลหนึ่งระบุ “มีเงินออม แต่ต้องการเก็บไว้ลงทุนด้านอื่น” ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้สินเชื่อฯ กับธนาคารพาณิชย์นั้น นับว่ามีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคมีโอกาสสร้างบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น และทำให้ขนาดตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัด ที่ในอดีตมีความยุ่งยากในการจะกู้ยืมเงินเพื่อสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ให้ความสำคัญเหมือนเช่นปัจจุบัน
ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสสองนี้ ยังคงคึกคักใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯได้เข้าร่วมออกบูธในงานสถาปนิก’ 56 โดยนำทีมงานจาก 34 สาขาทั่วประเทศ มาพบกับผู้บริโภคเพื่อจะได้พูดคุยและเข้ามาปรึกษาหารือเรื่องการสร้างบ้านในต่างจังหวัด พร้อมเปิดตัวโปรโมชั่น “ลุ้นล้าน ลุ้นรถ” ภายในงานนี้ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้บริโภคที่ประสงค์จะสร้างบ้านในต่างจังหวัด มาลงทะเบียนไว้ที่บูธคิดเป็น 68% ของจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด ทั้งนี้ จังหวัดที่ผู้บริโภคสนใจจะสร้างบ้านหลังใหม่มากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ภูเก็ต หาดใหญ่ และจังหวัดอื่นๆ ตามลำดับ ในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้นผู้ลงทะเบียนระบุ สนใจจะสร้างบ้านทางฝั่งตะวันออกตอนบนของพื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุดได้แก่ บริเวณถนนรามอินทรา มีนบุรี เป็นต้น
สำหรับ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้แล้วทั้งสิ้น 430 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.4-1.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ ประเมินว่าระยะเวลาที่เหลืออีก 8 เดือนของปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยพิจารณาจากพื้นฐานและการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย รวมถึงพฤติกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วประเทศ ตลอดจนแผนการรุกขยายตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดของบริษัทฯ ที่วางไว้ทั้งในส่วนการลงทุนเปิดสาขาใหม่เอง และการขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ รายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยปี 2556 นี้มีแผนจะขยายสาขาให้ครบ 38 สาขา ล่าสุดเตรียมเปิดสาขากาญจนบุรีอย่างเป็นทางการปลายเดือนพฤษภาคมนี้ นายพิศาล กล่าว
ด้าน นายปรีดา เฉลิมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นครราชสีมา รับสร้างบ้าน จำกัด หนึ่งในสมาชิกสมาคมฯ ที่เปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในจังหวัดนครราชสีมามากว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านในโคราชมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตลอด โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีมานี้ที่ประชากรจากจังหวัดอื่นเข้ามาจับจองซื้อที่ดินปลูกสร้างบ้านเป็นจำนวนมาก โดยเป็นผลมาจากน้ำท่วมใหญ่พื้นที่ภาคกลางและกรุเทพฯ เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา ทั้งนี้พื้นที่ที่มีการเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านแบ่งเป็น พื้นที่บริเวณอำเภอปากช่องและอำเภอสูงเนิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ใกล้นิคมโรงงานอุตสาหกรรม อีกพื้นที่หนึ่งที่มีการขยายตัวของที่อยู่อาศัยหรือตลาดรับสร้างบ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองและอำเภอพิมาย โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขาเปิดให้บริการรับสร้างบ้านอยู่ 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่องและอำเภอเมือง เพื่อรองรับกำลังซื้อในพื้นที่ที่กำลังเติบโต โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ 150 ล้านบาท