xs
xsm
sm
md
lg

“พีดีเฮ้าส์” กางแผนระยะ 2 ผุดเพิ่ม 37 สาขาใหม่ใน 5 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีดีเฮ้าส์ฯ กางแผนระยะยาวช่วงที่ 2 เล็งผุดเพิ่ม 37 สาขา เกาะติดพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนจุดเชื่อมต่อตรวจคนเข้าเมือง 37 จุดทั่วประเทศ รองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยขยายตัวหลังเปิด AEC ทั้งลูกค้าคนไทย และเพื่อนบ้าน แจงแผนรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เจาะตลาดพม่าประเทศแรก มั่นใจปี 56 รายได้ตามเป้า 1,900 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้ากว่า 50%

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เจ้าของ และผู้บริหารสิทธิแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ตามแผนระยะยาว 5 ปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดสาขาแฟรนไชส์ 50 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยล่าสุด สามารถปิดสาขาให้บริการแล้ว 34 สาขา และภายในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 4 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาให้บริการรวม 38 สาขา และภายในปี 2557 จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 12 สาขา เพื่อให้มีจำนวนครบ 50 สาขาตามเป้า โดยทั้ง 50 สาขาดังกล่าว จะเปิดในพื้นที่เมืองใหญ่ หรือจังหวัดหัวเมืองเป็นหลัก

ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดให้บริการครบทั้ง 50 สาขา ในปี 2557 แล้ว บริษัทจะเริ่มดำเนินการตามแผนระยะยาวในระยะที่ 2 ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 37 สาขา ภายใน 5 ปี หรือสินสุดในปี 2563 โดยเน้นเปิดสาขาในพื้นที่ด่านเชื่อมต่อการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีทั้งหมด 37 จุดทั่วประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรฐกิจ และความต้องการสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินของลูกค้าตามตะเข็บชายแดน ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในส่วนของประเทศไทย และในประเทศเพื่อนบ้านภายหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558

“ตามแผนการดำเนินงานระยะที่ 2 หากบริษัทสามารถเปิดสาขาได้ครบ และครอบคลุมพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศ 37 จุด จะทำให้ในปี 2563 บริษัทมีสาขาให้บริการครบคุลอมทั้งประเทศ 87สาขา ไม่นับรวมแฟรนไชส์ AQ Home ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทมียอดขายรวมต่อปีอยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้ต่อสาขาต่อปีที่ 60-70 ล้านบาท”

โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดขายต่อสาขาเฉลี่ยปีละ 30-50 ล้านบาท แต่ในอีก 5ปีข้างหน้า ตามแผนระยะที่ 2 ซึ่งบริษัทประมาณการรายได้ต่อสาขาต่อปีว่าจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 60-70 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นการประมาณการจากการเติบโตของยอดขายต่อสาขา ผนวกกับแนวโน้มราคาบ้านที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างในอนาคต

นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการบริษัท กล่าวว่า สำหรับแผนระยะ 2 ของบริษัทนี้จะสอดรับกับแผนการขยายตลาดแฟรนไชส์ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย ประเทศพม่า ประเทศลาว และเขมร ซึ่งบริษัทได้มีการศึกษาตลาดไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าประเทศพม่าจะเป็นประเทศแรกที่บริษัทจะเข้าไปทำตลาดในรูปแบบการขายระบบแฟรนไชส์แบบเบ็ดเสร็จให้แก่พันธิมตรทางการค้า ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจในพื้นที่ โดยบริษัทจะทำให้ที่ดูแลเป็นที่ปรึกษา และถ่ายทอดระบบการดำเนินงาน รวมถึงการเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพการดำเนินงานของพันธมิตรทางการค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ไปให้บริการในประเทศดังกล่าว

ทั้งนี้ เบื้องต้นการเปิดแฟรนไชส์ในประเทศเพื่อนบ้าน จะเน้นการเปิดสาขาในเมืองใหญ่ก่อนขยายออกไปตามหัวเมืองต่างๆ ที่มีศักยภาพ และดีมานด์ที่เหมาะสม ขณะที่สาขาแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์ ที่เปิดให้บริการตามแผนระยะ 2 ซึ่งจะเปิดให้บริการในจุดเชื่อมต่อ หรือด่านตรวจคนเข้าเมืองระหว่างประเทศทั้ง 37 จุด จะรองรับดีมานด์พื้นที่ชายแดนทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับตลาดรวมบ้านสร้างเองในปัจจุบันมีมูลค่ารวม 1.2-1.3 แสนล้านบาท โดยกลุ่มผู้ประกอบการบริษัทรับสร้างบ้านมีแชร์อยู่ประมาณ 10% หรือมีแชร์ตลาดรวมบ้านสร้างเองอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ ปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบตลาดหลักๆ คือ ปัญหาการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ซีเมนต์เป็นส่วนผสม และปัญหาการแย่งชิงแรงงานซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน

ส่วนแนวโน้มการตลาดรวมรับสร้างบ้านในปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยเป็นการขยายตัวตามการขยายการลงทุนของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี และการลงทุนก่อสร้างโครงการโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 300 ล้านบาท เติบโตกว่า1เท่าตัวจากไตรมาส 4 ปี 2555 ซึ่งมียอดขายรวม 150 ล้านบาท คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีรายได้รวมจาก 3 ธุรกิจหลัก 1,900 ล้านบาท

“ปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายรวมกว่า 1 พันล้านบาท โดยยอดขายจะมาจากธุรกิจรับสร้างบ้าน 965 ล้านบาท ธุรกิจจำหน่ายวัสดุ 164 ล้านบาท และธุรกิจแฟรนไชส์ประมาณ 50 ล้านบาทเศษ สำหรับในปี 2556 นี้ ตั้งเป้ายอดขายบ้านไว้ 320-350 หลัง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.4-1.5 พันล้านบาท เติบโตสูงจากปีที่แล้วกว่า 50% โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ ทำยอดขายได้แล้วเกือบ 300 ล้านบาท สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ปีนี้มีแผนจะเปิดสาขาให้ครบ 38 สาขา คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 80-100 ล้านบาท และสุดท้าย ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 240-250 ล้านบาทเศษ”
กำลังโหลดความคิดเห็น