ขาขึ้นตลาดเครื่องมือไฟฟ้า อานิสงส์โครงการเมกะโปรเจกต์ ส่งภาพการก่อสร้างเติบโตทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน “บ๊อช” บุก พม่า และลาว เชื่ออนาคตไทยมีสิทธิ์คว้าตำแหน่งศูนย์กลางการกระจายสินค้าได้ มั่นใจสิ้นปีเติบโต 18% ครองแชร์ 28% จากมูลค่าตลาดรวม 4,000 ล้านบาท
นายชัยพร รัตนเชตกุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องมือไฟฟ้าในไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ดีมาก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 14% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มองว่าน่าจะยังเติบโตได้อีก 4-5% น้อยกว่าปีก่อน
เนื่องจากปีที่ผ่านมาภาครัฐมีการเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจกต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางอินฟราสตรักเจอร์เกี่ยวกับการขนส่งมวลชน รวมถึงการป้องกันภัยเกี่ยวกับน้ำท่วม แต่เนื่องจากเป็นโปรเจกต์แบบระยะยาวทำให้การเติบโตปีนี้จึงน้อยกว่าปีก่อนแต่ยังคงเติบโตได้อีก ทั้งนี้ หากสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ในส่วนของภาคการลงทุนยิ่งจะทำให้ตลาดเติบโตได้จากที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากจะทำให้กลุ่มร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเร่งการสั่งซื้อเครื่องมือไฟฟ้ากักตุนไว้จำหน่ายมากขึ้น
ในส่วนของบ๊อช มองว่าปีนี้จะเติบโตได้ราว 18% และมีส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มเป็น 28% ครองความเป็นผู้นำได้อีกครั้งด้วยงบการตลาดรวมกว่า 7% ของรายได้รวมที่ตั้งไว้ และจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 รายการ จากปีก่อนเติบโตสูงถึง 30% เนื่องจาก 1. ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 40-50 รุ่น โดยยอดขายกว่า 24% มาจากการออกสินค้าใหม่ 2. มีการสร้างเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น และ 3. การสร้างแบรนดิ้งและกิจกรรมเพื่อสังคม
นายชัยพรกล่าวต่อว่า ปี 2555 ที่ผ่านมาผลประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชเติบโต 16% ขณะที่ภาพรวมตลาดในภูมิภาคนี้โตเพียง 4% ทั้งนี้พบว่าเฉพาะกลุ่มประเทศในตลาดอาเซียน หรือเออีซี เป็นตลาดที่มียอดขายสูงสุดของบ๊อช รองจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และโอเชียเนีย
ดังนั้น บริษัทจึงพร้อมที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศกลุ่มเออีซี ล่าสุดในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้เข้าไปทำตลาดในประเทศพม่าแล้ว ด้วยการเข้าไปตั้งสำนักงานใหญ่และตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วที่ย่างกุ้ง พร้อมนำเสนอเครื่องมือไฟฟ้าแบบพื้นฐาน และในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าไปทำตลาดในอีก 3 เมือง คือ มัณฑะเลย์ เมียวดี เป็นต้น ซึ่งพม่าถือเป็นประเทศที่กำลังมีการพัฒนาวางอินฟราสตรักเจอร์หลายโครงการ เช่น การก่อสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ การสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เนย์ปิดอว์ และการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย คาดว่าปีแรกนี้จะมีรายได้ราว 1% ของรายได้รวมในไทย
ขณะที่ประเทศลาวได้เข้าไปทำตลาดก่อนหน้านั้นแล้ว และมูลค่าตลาดยังน้อยกว่าไทยมาก นอกจากนี้ยังได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในอีกหลายประเทศในอาเซียนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มองว่าไทยอยู่กลางกลุ่มประเทศเหล่านี้ อนาคตไทยอาจจะมีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับบ๊อชได้ ขณะที่ในส่วนของภาคการผลิตนั้น ปัจจุบันบ๊อชมีโรงงานการผลิตด้วยเครื่องมือไฟฟ้าอยู่แล้ว 4 โรงใน 3 ประเทศ คือ จีน 2 แห่ง อินเดีย 1 แห่ง และมาเลเซีย 1 แห่ง และไทยจะเน้นการนำเข้าจากจีนเป็นหลัก
นายชัยพร รัตนเชตกุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องมือไฟฟ้าในไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ดีมาก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 14% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มองว่าน่าจะยังเติบโตได้อีก 4-5% น้อยกว่าปีก่อน
เนื่องจากปีที่ผ่านมาภาครัฐมีการเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจกต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางอินฟราสตรักเจอร์เกี่ยวกับการขนส่งมวลชน รวมถึงการป้องกันภัยเกี่ยวกับน้ำท่วม แต่เนื่องจากเป็นโปรเจกต์แบบระยะยาวทำให้การเติบโตปีนี้จึงน้อยกว่าปีก่อนแต่ยังคงเติบโตได้อีก ทั้งนี้ หากสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ในส่วนของภาคการลงทุนยิ่งจะทำให้ตลาดเติบโตได้จากที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากจะทำให้กลุ่มร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเร่งการสั่งซื้อเครื่องมือไฟฟ้ากักตุนไว้จำหน่ายมากขึ้น
ในส่วนของบ๊อช มองว่าปีนี้จะเติบโตได้ราว 18% และมีส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มเป็น 28% ครองความเป็นผู้นำได้อีกครั้งด้วยงบการตลาดรวมกว่า 7% ของรายได้รวมที่ตั้งไว้ และจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 รายการ จากปีก่อนเติบโตสูงถึง 30% เนื่องจาก 1. ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 40-50 รุ่น โดยยอดขายกว่า 24% มาจากการออกสินค้าใหม่ 2. มีการสร้างเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น และ 3. การสร้างแบรนดิ้งและกิจกรรมเพื่อสังคม
นายชัยพรกล่าวต่อว่า ปี 2555 ที่ผ่านมาผลประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อชเติบโต 16% ขณะที่ภาพรวมตลาดในภูมิภาคนี้โตเพียง 4% ทั้งนี้พบว่าเฉพาะกลุ่มประเทศในตลาดอาเซียน หรือเออีซี เป็นตลาดที่มียอดขายสูงสุดของบ๊อช รองจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และโอเชียเนีย
ดังนั้น บริษัทจึงพร้อมที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศกลุ่มเออีซี ล่าสุดในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้เข้าไปทำตลาดในประเทศพม่าแล้ว ด้วยการเข้าไปตั้งสำนักงานใหญ่และตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วที่ย่างกุ้ง พร้อมนำเสนอเครื่องมือไฟฟ้าแบบพื้นฐาน และในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าไปทำตลาดในอีก 3 เมือง คือ มัณฑะเลย์ เมียวดี เป็นต้น ซึ่งพม่าถือเป็นประเทศที่กำลังมีการพัฒนาวางอินฟราสตรักเจอร์หลายโครงการ เช่น การก่อสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ การสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เนย์ปิดอว์ และการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย คาดว่าปีแรกนี้จะมีรายได้ราว 1% ของรายได้รวมในไทย
ขณะที่ประเทศลาวได้เข้าไปทำตลาดก่อนหน้านั้นแล้ว และมูลค่าตลาดยังน้อยกว่าไทยมาก นอกจากนี้ยังได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในอีกหลายประเทศในอาเซียนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มองว่าไทยอยู่กลางกลุ่มประเทศเหล่านี้ อนาคตไทยอาจจะมีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าให้กับบ๊อชได้ ขณะที่ในส่วนของภาคการผลิตนั้น ปัจจุบันบ๊อชมีโรงงานการผลิตด้วยเครื่องมือไฟฟ้าอยู่แล้ว 4 โรงใน 3 ประเทศ คือ จีน 2 แห่ง อินเดีย 1 แห่ง และมาเลเซีย 1 แห่ง และไทยจะเน้นการนำเข้าจากจีนเป็นหลัก