ASTVผู้จัดการรายวัน - “ดีแพค” เผยแผน 3 ปี มุ่งสู่ยอดขาย 2 พันล้านบาท ผุดโรงงานในพม่า-ลาว เจาะตลาดห้างฯ เวียดนาม มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เตรียมเพิ่มคลังสินค้าที่ขอนแก่น และพิษณุโลก
นายเมธี อธิจิตสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ DPAC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกชนิดอ่อนรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศภายใต้ชื่อแบรนด์“สวัสดี” และ “Hero” และส่งออกภายใต้ชื่อ “D” โดยมีโรงงานตั้งอยู่บริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 1.1 หมื่นตันต่อเดือน ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยในอนาคตอันใกล้จะมีการเพิ่มกำลังผลิตเฉพาะในส่วนของถุงขยะอุตสาหกรรมอีกประมาณ 2.5-3 พันต่อต่อเดือน
ในปี 2555 บริษัทมียอดขายประมาณ 900 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์แบรนด์ “D” ประมาณ 50% แบรนด์ “สวัสดี” 30% และแบรนด์ “Hero” 20% โดยรายได้หลักประมาณ 60-65% เป็นการส่งออกทั่วทุกภูมิภาคทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และอื่นๆ ส่วนที่เหลือประมาณ 35-40% เป็นการจำหน่ายในประเทศและตลาดอาเซียน
โดยบริษัทกำหนดแผนธุรกิจ 3 ปีว่า ภายในปี 2556 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1.3 พันล้านบาท ในปี 2557 จะเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านบาท และขยับสู่เป้าหมาย 2 พันล้านบาทในปี 2558 พร้อมทั้งขยายฐานตลาดอาเซียนได้ครบทุกประเทศ รวมทั้งขยายตลาดอื่นๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้บริษัทมีการร่วมลงทุนและทำตลาดในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
“ยอดขายในตลาดอาเซียนเติบโตต่อเนื่องจากสัดส่วนรายได้เพียง 2-3% เมื่อ 4 ปีก่อน จนกระทั่งปี 2555 ยอดขายเพิ่มเป็น 20% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30-40% หลังจากเปิดตลาดเออีซี โดยในปี 2555 รายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาทในปี 2556”
ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงกำหนดแผนลงทุนร่วมกับบริษัท Main Stream Trading จำกัด ผู้แทนจำหน่ายในประเทศพม่า เพื่อก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ประมาณ 10-20 ไร่ ในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่อดำเนินการผลิตถุงพลาสติกหิ้วใสขนาดต่างๆ ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 400-500 ตันต่อเดือน คาดว่าต้องลงทุน 400 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปสัดส่วนการลงทุนว่าจะเป็นในรูปแบบใดระหว่างร้อยละ 55 ต่อ 45 หรือร้อยละ 51 ต่อ 49
บริษัทยังจะลงทุน 400 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานในประเทศลาว ผลิตเพื่อส่งกลับมายังประเทศไทย 90% และจำหน่ายภายในประเทศลาว 10% เนื่องจากตลาดยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พร้อมกันนั้นบริษัทยังมีแผนการทำตลาดในลักษณะจัดจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าของประเทศเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยทุกโครงการจะดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อให้เห็นผลภายในช่วงปลายปี 2556 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2557
“นอกจากตลาดอาเซียนแล้วขณะนี้เรายังได้เริ่มมีการจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้า Park’n Shop ประเทศฮ่องกง ทั้งยังเริ่มมีการทำตลาดต่อเนื่องในประเทศศรีลังกาและบังกลาเทศควบคู่ไปด้วย โดยใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดประมาณ 20-30 ล้านบาท”
ในส่วนของการจำหน่ายในประเทศนั้น แบ่งเป็นการผลิตในลักษณะรับจ้างผลิต (OEM) ให้โมเดิร์นเทรดและเฮ้าส์แบรนด์ต่างๆ ทั้ง เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร และอื่นๆ ประมาณ 70% งานประมูลราชการ ประมาณ 20% และผลิตให้บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ประมาณ 10% โดยบริษัทมีแผนลดสัดส่วนการผลิตในลักษณะ OEM ให้เหลือ 50% ภายใน 3 ปีเพื่อเน้นทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น
อนึ่ง บริษัทยังมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายชนิดภายใต้แบรนด์ “Hero” ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจาะตลาดระดับกลางถึงบน โดยปัจจุบันมีบริษัทมีคลังสินค้า 2 แห่งที่จ.ชลบุรี เพื่อเก็บสินค้าจำนวน 700 ตัน และคลังสินค้าบางบอน เก็บสินค้าจำนวน 300 ตัน โดยจะมีการเพิ่มคลังสินค้าอีก 2 แห่งเพื่อทำตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยเบื้องต้นสรุปพื้นที่ใน จ.ขอนแก่น เพื่อเก็บสินค้าประมาณ 400 ตัน ส่วนอีก 1 แห่งเป็นคลังสินค้าขนาด 200 ตันโดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาพื้นที่ใน จ.พิษณุโลกและกำแพงเพชร
นายเมธี อธิจิตสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ DPAC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกชนิดอ่อนรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศภายใต้ชื่อแบรนด์“สวัสดี” และ “Hero” และส่งออกภายใต้ชื่อ “D” โดยมีโรงงานตั้งอยู่บริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 1.1 หมื่นตันต่อเดือน ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยในอนาคตอันใกล้จะมีการเพิ่มกำลังผลิตเฉพาะในส่วนของถุงขยะอุตสาหกรรมอีกประมาณ 2.5-3 พันต่อต่อเดือน
ในปี 2555 บริษัทมียอดขายประมาณ 900 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์แบรนด์ “D” ประมาณ 50% แบรนด์ “สวัสดี” 30% และแบรนด์ “Hero” 20% โดยรายได้หลักประมาณ 60-65% เป็นการส่งออกทั่วทุกภูมิภาคทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และอื่นๆ ส่วนที่เหลือประมาณ 35-40% เป็นการจำหน่ายในประเทศและตลาดอาเซียน
โดยบริษัทกำหนดแผนธุรกิจ 3 ปีว่า ภายในปี 2556 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 1.3 พันล้านบาท ในปี 2557 จะเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านบาท และขยับสู่เป้าหมาย 2 พันล้านบาทในปี 2558 พร้อมทั้งขยายฐานตลาดอาเซียนได้ครบทุกประเทศ รวมทั้งขยายตลาดอื่นๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้บริษัทมีการร่วมลงทุนและทำตลาดในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
“ยอดขายในตลาดอาเซียนเติบโตต่อเนื่องจากสัดส่วนรายได้เพียง 2-3% เมื่อ 4 ปีก่อน จนกระทั่งปี 2555 ยอดขายเพิ่มเป็น 20% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30-40% หลังจากเปิดตลาดเออีซี โดยในปี 2555 รายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาทในปี 2556”
ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงกำหนดแผนลงทุนร่วมกับบริษัท Main Stream Trading จำกัด ผู้แทนจำหน่ายในประเทศพม่า เพื่อก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ประมาณ 10-20 ไร่ ในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่อดำเนินการผลิตถุงพลาสติกหิ้วใสขนาดต่างๆ ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 400-500 ตันต่อเดือน คาดว่าต้องลงทุน 400 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปสัดส่วนการลงทุนว่าจะเป็นในรูปแบบใดระหว่างร้อยละ 55 ต่อ 45 หรือร้อยละ 51 ต่อ 49
บริษัทยังจะลงทุน 400 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานในประเทศลาว ผลิตเพื่อส่งกลับมายังประเทศไทย 90% และจำหน่ายภายในประเทศลาว 10% เนื่องจากตลาดยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พร้อมกันนั้นบริษัทยังมีแผนการทำตลาดในลักษณะจัดจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าของประเทศเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยทุกโครงการจะดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อให้เห็นผลภายในช่วงปลายปี 2556 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2557
“นอกจากตลาดอาเซียนแล้วขณะนี้เรายังได้เริ่มมีการจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้า Park’n Shop ประเทศฮ่องกง ทั้งยังเริ่มมีการทำตลาดต่อเนื่องในประเทศศรีลังกาและบังกลาเทศควบคู่ไปด้วย โดยใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดประมาณ 20-30 ล้านบาท”
ในส่วนของการจำหน่ายในประเทศนั้น แบ่งเป็นการผลิตในลักษณะรับจ้างผลิต (OEM) ให้โมเดิร์นเทรดและเฮ้าส์แบรนด์ต่างๆ ทั้ง เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร และอื่นๆ ประมาณ 70% งานประมูลราชการ ประมาณ 20% และผลิตให้บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ประมาณ 10% โดยบริษัทมีแผนลดสัดส่วนการผลิตในลักษณะ OEM ให้เหลือ 50% ภายใน 3 ปีเพื่อเน้นทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น
อนึ่ง บริษัทยังมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายชนิดภายใต้แบรนด์ “Hero” ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจาะตลาดระดับกลางถึงบน โดยปัจจุบันมีบริษัทมีคลังสินค้า 2 แห่งที่จ.ชลบุรี เพื่อเก็บสินค้าจำนวน 700 ตัน และคลังสินค้าบางบอน เก็บสินค้าจำนวน 300 ตัน โดยจะมีการเพิ่มคลังสินค้าอีก 2 แห่งเพื่อทำตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยเบื้องต้นสรุปพื้นที่ใน จ.ขอนแก่น เพื่อเก็บสินค้าประมาณ 400 ตัน ส่วนอีก 1 แห่งเป็นคลังสินค้าขนาด 200 ตันโดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาพื้นที่ใน จ.พิษณุโลกและกำแพงเพชร