- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.2% จากระดับ 0.6% ในเดือนมี.ค. เป็นผลจากการผลิตอุปกรณ์ด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางฝรั่งเศสคาดการณ์เศรษฐกิจใน Q2/2556 จะขยายตัว 0.1% เนื่องจากธุรกิจภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคบริการก็มีการขยายตัว โดยเฉพาะงานบริการด้านไอที
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีเดือนเม.ย. ลดลง 0.3% จากเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยภาคการผลิตในหมวดพลังงาน ขนส่งและสิ่งทอ หดตัวมากที่สุด
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอิตาลี Q1/2556 ลดลง 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจของอิตาลียังเผชิญกับภาวะถดถอยต่อไป โดยมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจของอิตาลีจะขยายตัว -1.8%
- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐสู่ระดับมีเสถียรภาพ จากแนวโน้มเชิงลบ จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและค่าเงินดอลล่าร์ และยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ระดับ AA+
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 45.7 จากระดับ 44.5 ในเดือนเม.ย. แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้านโยบายเพื่อจัดการกับภาวะเงินฝืดและพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
- รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กำลังเตรียมปฎิรูปภาษีให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยจะทำการลดภาษีของกลุ่มผู้ผลิต เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้กลับมาแข็งแกร่ง
- โตเกียว ไซโก้ รีเสิร์ช เปิดเผยว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเดือนพ.ค. ลดลง 8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 มาอยู่ที่ระดับ 1,045 แห่ง โดยที่ผ่านมาอุตสาหกรรมขนส่งมีบริษัทล้มละลายสูงที่สุด เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง
- สนง.ตรวจสอบบัญชีและงบประมาณแห่งชาติจีน ออกมาเตือนว่า รัฐบาลท้องถิ่นบางพื้นที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากหนี้สินที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ณ สิ้นปี 2555 มีหนี้สินมูลค่า 3.85 ล้านล้านหยวน โดยมีสาเหตุจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางและการขายที่ดิน ซึ่งเป็นรายได้หลักของรัฐบาล
- คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ จากเดิมที่จัดเก็บอยู่ในอัตราลิตรละ 3 บาท ลดลงมาเหลือลิตรละ 2.40 บาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น
- SET Index ปิดที่ 1,528.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.31 จุด หรือ +0.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39,168.55 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากความคืบหน้าของการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ
- NIKKEI ปิดที่ระดับ 13,514.20 จุด เพิ่มขึ้น 4.94% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2551หลังข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตราการ QE ต่อไป
- Hang Seng ปิดที่ระดับ 21,615.09 จุด เพิ่มขึ้น 0.18% เป็นผลจากการที่นักลงทุนเลือกเก็บหุ้นกลุ่มสายการบินและค้าปลีก เนื่องจากมั่นใจตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่สะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในช่วง 0.00% ถึง 0.011% โดยพันธบัตรอายุ 4 ปีขึ้นไปมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน วงเงินรวม 75,000 ล้านบาท
- คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน เห็นชอบให้ออกตราสารทองคำ 2 ชุด ผ่านบริษัท หูอัน แอสเซ็ทแมเนจเมนท์ และ กัวไต๋ แอสเซ็ทแมเนจเมนท์ โดยจะใช้เงินหยวนเป็นเงินสกุลหลักในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เพื่อสนองความต้องการของนักลงทุนที่นิยมถือทองคำ เพื่อการลงทุนและประกันความเสี่ยง ให้สามารถลงทุนได้สะดวกมากขึ้น
- ดอยช์แบงก์ เอจี เตรียมให้บริการห้องนิรภัยเพื่อเก็บทองคำในสิงคโปร์ โดยจะสามารถเก็บทองคำได้ 200 ตัน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการถือครองทองคำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก