คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยรายงานบ่งชี้ว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการการเงิน ได้เพิ่มสถานะการลงทุนในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นทองเป็นครั้งแรก ในรอบ 4 สัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐได้เพิ่มความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงิน
กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการการเงินยังได้ปรับลดสถานะขายสุทธิทองแดง ขณะที่เพิ่มการลงทุนในโลหะเงินด้วยการซื้อสุทธิ เล็กน้อยในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ค.
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า นักเก็งกำไรได้เพิ่มสถานะซื้อสุทธิทอง 12,410 สัญญา สู่ 48,096 สัญญา
ราคาทองปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ตามการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นและหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเกินไปและนานเกินไป
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กล่าวว่า การที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนนั้นบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า การยุติโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดจะยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
เทรดเดอร์ระบุว่า สถานะคงค้างที่ยังไม่มีการซื้อขาย (Open interest) ในสัญญาล่วงหน้าและออปชันทองร่วงลง 155,253 ล็อต สู่ 691,958 ล็อต อันเป็นผลจากการลดลงของความสนใจจากกองทุน, การครบกำหนดส่งมอบออปชันและการปรับพอร์ตการลงทุนหลังนักลงทุนซื้อคืนสัญญา
เทรดเดอร์รอดูข้อมูลของ CFTC ในสัปดาห์นี้ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับการลดลงอย่างมากของ open interest ในวันพุธที่ผ่านมาซึ่งได้ถ่วงตลาดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี
นักเก็งกำไรได้เพิ่มสถานะซื้อ 250 สัญญาในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นโลหะเงิน ส่งผลให้ตลาดมีสถานะซื้อสุทธิ 63 สัญญา
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า กลุ่มนักเก็งกำไรได้ลงเล็กน้อย 160 ล็อต สู่ 8,872 ล็อต
โฆษกกระทรวงการคลังของอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียได้นำเข้าทองคำจำนวนประมาณ 162 ตันในเดือนพ.ค. ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้อย่างมากและทำให้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่ารัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมอุปสงค์ทองในประเทศ
การนำเข้าในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนเม.ย. แต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 262 ตันจากนายพี. ชิดัมบาราม รมว.คลังอินเดีย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวมถึงสภาทองคำโลก (WGC) และสมาคมทองคำบอมเบย์
"ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการนำเข้าทองในเดือนพ.ค.คือ 162 ตัน ไม่ใช่ 262 ตัน" นายดี.เอส.มาลิค โฆษกกระทรวงกล่าว
ชาวอินเดียยังคงซื้อทองอย่างมาก ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ขณะที่ผู้บริโภคฉวยโอกาสจากการที่ราคาทองในตลาดโลกร่วงลง ซึ่งตรงกับเทศกาลในภูมิภาค ซึ่งมีการซื้อทองเป็นของขวัญ
การนำเข้าทองในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 142.5 ตัน และเมื่อคิดในแง่มูลค่า การนำเข้าเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 138% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 7.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการนำเข้าโลหะเงินจำนวนเล็กน้อยด้วย
เนื่องจากการนำเข้าในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นอีก รัฐบาลจึงเผชิญกับแรงกดดันให้พิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการนำเข้า ซึ่งการนำเข้าจำนวนมาก ดังกล่าวเสี่ยงต่อการทำให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.7% ของจีดีพีในไตรมาสเดือนธ.ค.
อินเดียปรับเพิ่มภาษีนำเข้าทองขึ้นครึ่งหนึ่งเป็น 6% ในเดือนม.ค. และธนาคารกลางก็ได้เข้ามาจำกัดการซื้อทองด้วย ขณะที่ข้อมูลของ WGC ระบุว่า มาตรการดังกล่าวช่วยลดการนำเข้าทองในไตรมาสแรกลงสู่ระดับ 215 ตัน จากระดับ 228 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นายชิดัมบารัมกล่าวว่า ธนาคารกลางอาจจะพิจารณาการห้ามผู้ผลิตเครื่องประดับมิให้ซื้อทองแบบวางเงินมัดจำ โดยต้องชำระเงินทั้งหมด ขณะที่เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ธนาคารกลางได้ประกาศห้ามการซื้อดังกล่าวจากธนาคาร ต่างๆดสถานะขายสุทธิทองแดง
(ข้อมูลจากสำนัก่ข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการการเงินยังได้ปรับลดสถานะขายสุทธิทองแดง ขณะที่เพิ่มการลงทุนในโลหะเงินด้วยการซื้อสุทธิ เล็กน้อยในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ค.
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า นักเก็งกำไรได้เพิ่มสถานะซื้อสุทธิทอง 12,410 สัญญา สู่ 48,096 สัญญา
ราคาทองปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ตามการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นและหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเกินไปและนานเกินไป
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กล่าวว่า การที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนนั้นบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า การยุติโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดจะยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
เทรดเดอร์ระบุว่า สถานะคงค้างที่ยังไม่มีการซื้อขาย (Open interest) ในสัญญาล่วงหน้าและออปชันทองร่วงลง 155,253 ล็อต สู่ 691,958 ล็อต อันเป็นผลจากการลดลงของความสนใจจากกองทุน, การครบกำหนดส่งมอบออปชันและการปรับพอร์ตการลงทุนหลังนักลงทุนซื้อคืนสัญญา
เทรดเดอร์รอดูข้อมูลของ CFTC ในสัปดาห์นี้ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับการลดลงอย่างมากของ open interest ในวันพุธที่ผ่านมาซึ่งได้ถ่วงตลาดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี
นักเก็งกำไรได้เพิ่มสถานะซื้อ 250 สัญญาในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นโลหะเงิน ส่งผลให้ตลาดมีสถานะซื้อสุทธิ 63 สัญญา
ข้อมูลของ CFTC บ่งชี้ว่า กลุ่มนักเก็งกำไรได้ลงเล็กน้อย 160 ล็อต สู่ 8,872 ล็อต
โฆษกกระทรวงการคลังของอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียได้นำเข้าทองคำจำนวนประมาณ 162 ตันในเดือนพ.ค. ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้อย่างมากและทำให้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่ารัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมอุปสงค์ทองในประเทศ
การนำเข้าในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนเม.ย. แต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 262 ตันจากนายพี. ชิดัมบาราม รมว.คลังอินเดีย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวมถึงสภาทองคำโลก (WGC) และสมาคมทองคำบอมเบย์
"ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการนำเข้าทองในเดือนพ.ค.คือ 162 ตัน ไม่ใช่ 262 ตัน" นายดี.เอส.มาลิค โฆษกกระทรวงกล่าว
ชาวอินเดียยังคงซื้อทองอย่างมาก ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ขณะที่ผู้บริโภคฉวยโอกาสจากการที่ราคาทองในตลาดโลกร่วงลง ซึ่งตรงกับเทศกาลในภูมิภาค ซึ่งมีการซื้อทองเป็นของขวัญ
การนำเข้าทองในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 142.5 ตัน และเมื่อคิดในแง่มูลค่า การนำเข้าเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 138% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 7.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการนำเข้าโลหะเงินจำนวนเล็กน้อยด้วย
เนื่องจากการนำเข้าในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นอีก รัฐบาลจึงเผชิญกับแรงกดดันให้พิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการนำเข้า ซึ่งการนำเข้าจำนวนมาก ดังกล่าวเสี่ยงต่อการทำให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.7% ของจีดีพีในไตรมาสเดือนธ.ค.
อินเดียปรับเพิ่มภาษีนำเข้าทองขึ้นครึ่งหนึ่งเป็น 6% ในเดือนม.ค. และธนาคารกลางก็ได้เข้ามาจำกัดการซื้อทองด้วย ขณะที่ข้อมูลของ WGC ระบุว่า มาตรการดังกล่าวช่วยลดการนำเข้าทองในไตรมาสแรกลงสู่ระดับ 215 ตัน จากระดับ 228 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นายชิดัมบารัมกล่าวว่า ธนาคารกลางอาจจะพิจารณาการห้ามผู้ผลิตเครื่องประดับมิให้ซื้อทองแบบวางเงินมัดจำ โดยต้องชำระเงินทั้งหมด ขณะที่เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ธนาคารกลางได้ประกาศห้ามการซื้อดังกล่าวจากธนาคาร ต่างๆดสถานะขายสุทธิทองแดง
(ข้อมูลจากสำนัก่ข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak