แมงเม้าท์เล่าอินไซด์มาแล้วจร้า...มากับความตกใจอย่างไม่สิ้นสุด หลังตลาดหุ้นไทยร่วงลงมาอย่างแรงในสัปดาห์ก่อน...ทั้หลุดแนวรับ 1600 , 1580 มาปิดที่ 1,562.07 จุด ทำให้ทั้งสัปดาห์ปรับลดลงไป 45.39 จุด หรือ2.82% แต่ยังดีที่ยังไม่ร่วงต่ำกว่า 1560 จุด จุดนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่า สัปดาห์หน้าจะยังยืนได้หรือไม่
อาการร่วงแบบนี้ไม่ได้เป็นแค่ตลาดหุ้นไทยอย่างเดียว แต่เป็นไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ ยุโรป ซึ่งเป็นการกลัวต่อเนื่องหลังจาก ลุงเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ออกมาทุบ เอ้ย ออกมาแสดงถึงความไม่ชัดเจนของมาตรการอัดฉีดเม็ดเงิน QE จะหยุดตอนไหน จนปั่นป่วนทั้งตลาดพันธบัตร ลามมาถึงตลาดหุ้น
โดยตลาดกำลังโฟกัสการประชุมของ เฟด ในการประชุมวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีการประกาศยุติ QE หรือไม่ ซึ่งความกังวลว่าจะยุติโครงการ QE นั้นทำให้ข่าวดีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นบวก กดดันดัชนีหมด โดย วันที่ 31 พ.ค. ดาวโจนส์ ร่วงลง 208.96 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 15,115.57 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 23.67 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 1,630.74 จุด และดัชนี Nasdaq อ่อนแรงลง 35.39 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 3,455.91 จุด
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย ตอนนี้หากเราใครไปเปิดดูกราฟรายเดือนก็จะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นง่อย เมื่อขึ้นไปเลย 1600 จุด ตลอด และเป็นถึง 3 ครั้ง 3 คราว ด้วยกัน แถมหุ้นพลังงาน หุ้นแบงก์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดัชนีหุ้นไทยก็ทำท่าซวนเซหลุดแนวรับหมด แถม ต่างชาติ ก็ตะบันขายแหลกการ เพียงสัปดาห์เดียว วันที่ 27-31 พฤษภาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ทั้งเดือนพฤษภาคมขายสุทธิ 5,490 ล้านบาท เช่นเดียวกับการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ตลอดทั้งเดือนสูงถึง 3.28 หมื่นล้านบาท
ดั้งนั้น ถ้าเรามาคาดเดาจิตใจของตลาดก็ไม่แปลกที่จะต้องร่วงลงมาเป็นเรื่องธรรมดา งานนี้ลองดู ที่ 1540 จุด แล้วกันว่าจะรับอยู่หรือไม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์หน้า (3-7 มิ.ย.56) ดัชนีมีโอกาสปรับลดลงก่อนจะฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ โดยจะต้องติดตามท่าทีในการดำเนินนโยบายของเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ เครื่องชี้ภาคการผลิต (ISM Manufacturing) รายงาน สภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book)และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษในระหว่างสัปดาห์ด้วย แนวรับที่ 1,537 และ 1,470 ขณะแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,598 และ 1,611 ตามลำดับ
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นลงแรงหลุด 1,580 จุด ทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนและยังมีข้อกังวลเรื่องคิวอี นอกจากนี้เป็นช่วงของการปรับปรุงหุ้นตามดัชนี MSCI ทำให้มีทั้งหุ้นเข้าและออก อาจส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมา ดังนั้น ตลาดหุ้นเข้าสู่การปรับฐานเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือในช่วงครึ่งแรกของเดือน มิถุนายนนี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18-19 มิถุนายน ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณถึงมาตรการคิวอี
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้ว 5% จากระดับสูงสุด 1,650 จุด ดังนั้นมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาระดับ 1,550 จุดเพื่อสร้างฐาน แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น
ส่วนนายยศพณ แสงนิล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อว่า เงินต่างชาติโยกกลับตลาดหุ้นสหรัฐที่ตัวเลขเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น เพราะดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นแล้ว แต่คาดว่าเดือน มิถุนายนจะโยกกลับและผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,650-1,670 จุดได้
ดังนั้น เมื่อดัชนีอ่อนตัวจึงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ได้ดีจากดอกเบี้ยที่ลดลงทั้งกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และรับเหมาก่อสร้าง
อาการร่วงแบบนี้ไม่ได้เป็นแค่ตลาดหุ้นไทยอย่างเดียว แต่เป็นไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ ยุโรป ซึ่งเป็นการกลัวต่อเนื่องหลังจาก ลุงเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ออกมาทุบ เอ้ย ออกมาแสดงถึงความไม่ชัดเจนของมาตรการอัดฉีดเม็ดเงิน QE จะหยุดตอนไหน จนปั่นป่วนทั้งตลาดพันธบัตร ลามมาถึงตลาดหุ้น
โดยตลาดกำลังโฟกัสการประชุมของ เฟด ในการประชุมวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีการประกาศยุติ QE หรือไม่ ซึ่งความกังวลว่าจะยุติโครงการ QE นั้นทำให้ข่าวดีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นบวก กดดันดัชนีหมด โดย วันที่ 31 พ.ค. ดาวโจนส์ ร่วงลง 208.96 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 15,115.57 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 23.67 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 1,630.74 จุด และดัชนี Nasdaq อ่อนแรงลง 35.39 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 3,455.91 จุด
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย ตอนนี้หากเราใครไปเปิดดูกราฟรายเดือนก็จะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นง่อย เมื่อขึ้นไปเลย 1600 จุด ตลอด และเป็นถึง 3 ครั้ง 3 คราว ด้วยกัน แถมหุ้นพลังงาน หุ้นแบงก์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดัชนีหุ้นไทยก็ทำท่าซวนเซหลุดแนวรับหมด แถม ต่างชาติ ก็ตะบันขายแหลกการ เพียงสัปดาห์เดียว วันที่ 27-31 พฤษภาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ทั้งเดือนพฤษภาคมขายสุทธิ 5,490 ล้านบาท เช่นเดียวกับการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ตลอดทั้งเดือนสูงถึง 3.28 หมื่นล้านบาท
ดั้งนั้น ถ้าเรามาคาดเดาจิตใจของตลาดก็ไม่แปลกที่จะต้องร่วงลงมาเป็นเรื่องธรรมดา งานนี้ลองดู ที่ 1540 จุด แล้วกันว่าจะรับอยู่หรือไม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์หน้า (3-7 มิ.ย.56) ดัชนีมีโอกาสปรับลดลงก่อนจะฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ โดยจะต้องติดตามท่าทีในการดำเนินนโยบายของเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ เครื่องชี้ภาคการผลิต (ISM Manufacturing) รายงาน สภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book)และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษในระหว่างสัปดาห์ด้วย แนวรับที่ 1,537 และ 1,470 ขณะแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,598 และ 1,611 ตามลำดับ
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นลงแรงหลุด 1,580 จุด ทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนและยังมีข้อกังวลเรื่องคิวอี นอกจากนี้เป็นช่วงของการปรับปรุงหุ้นตามดัชนี MSCI ทำให้มีทั้งหุ้นเข้าและออก อาจส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมา ดังนั้น ตลาดหุ้นเข้าสู่การปรับฐานเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือในช่วงครึ่งแรกของเดือน มิถุนายนนี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18-19 มิถุนายน ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณถึงมาตรการคิวอี
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้ว 5% จากระดับสูงสุด 1,650 จุด ดังนั้นมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาระดับ 1,550 จุดเพื่อสร้างฐาน แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น
ส่วนนายยศพณ แสงนิล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อว่า เงินต่างชาติโยกกลับตลาดหุ้นสหรัฐที่ตัวเลขเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น เพราะดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นแล้ว แต่คาดว่าเดือน มิถุนายนจะโยกกลับและผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,650-1,670 จุดได้
ดังนั้น เมื่อดัชนีอ่อนตัวจึงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ได้ดีจากดอกเบี้ยที่ลดลงทั้งกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และรับเหมาก่อสร้าง
