“ซีพี” รุกตลาดส่งออกสแน็ก เน้นเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ข้าว

หลังส่ง “ข้าวตราฉัตร” ขึ้นแท่นผู้นำยอดขายสูงสุด 5 ปีซ้อน หันชิมลางตลาดขนมขบเคี้ยวด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ ขนมข้าวหอมมะลิอบกรอบ “ริ-โอ้” หลังพบแนวโน้มตลาดเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องจากมูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท เผยเบื้องต้นไม่เน้นผลด้านยอดขาย ตั้งเป้า 50 ล้านบาท พร้อมเน้นส่งออกโดยเฉพาะตะวันออกกลาง

นายปุณวงศ์ คงสุนทรกิจกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าข้าวหอมมะลิและผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเส้นตราฉัตร เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของ The Neilsen Company (Thailand) พบว่าข้าวสารบรรจุถุงตราฉัตรสามารถครองใจผู้บริโภคในประเทศด้วยคุณภาพดี สะอาด ปลอดภัย จนสามารถครองอันดับหนึ่งข้าวสารบรรจุถุงที่มียอดขายดีที่สุดของประเทศไทย 5 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2552-2556

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดจนแสวงหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ข้าว จึงเป็นที่มาของการนำวัตถุดิบข้าวหอมมะลิไทยมาทำการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนคือขนมข้าวหอมมะลิอบกรอบ “ริ-โอ้” ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางเลือกในการรับประทานข้าวหอมมะลิไทยได้ง่ายขึ้นและมีความใกล้ชิดกับข้าวหอมมะลิมากยิ่งขึ้น

ในปี 2555 มูลค่าตลาดรวมขนมขบเคี้ยว หรือ “สแน็ก” มีมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท โดยขนมขบเคี้ยวประเภทมันฝรั่งมีสัดส่วนมากสุดประมาณ 35% คิดเป็นจำนวน 8.4 พันล้านบาท รองลงมาคือขนมขึ้นรูป ประมาณ 27% คิดเป็น 6.5 พันล้านบาท ขนมประเภทข้าว ประมาณ 5% คิดเป็น 1.2 พันล้านบาท โดยในส่วนของ “ริ-โอ้” ในช่วงแรกคาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท พร้อมเน้นตลาดส่งออก 60% และจำหน่ายภายในประเทศ 40%

“การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราครั้งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการตลาดด้วยการแข่งขันกับผู้นำตลาด หรือทำส่วนแบ่งการตลาดมากนัก เพราะเราต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เริ่มบริโภคข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น โดยในเบื้องต้นเราได้รับออเดอร์จำนวนหนึ่งจากประเทศจีน ดูไบ และกาตาร์ โดยพร้อมจะส่งสินค้าล็อตแรกภายในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ทางประเทศแถบยุโรป โดยเฉพาะยูเครนก็เริ่มมีการเจรจาสั่งซื้ออีกด้วย”

สำหรับจุดขายของขนมข้าวหอมมะลิอบกรอบ “ริ-โอ้” คือผลิตจากข้าวหอมมะลิแท้ ผสมข้าวโพดสายพันธุ์ดี ใช้วิธีการอบแทนการทอดทำให้มีไขมันและแคลอรีต่ำเพราะปราศจากคอเลสเตอรอล ทั้งยังไม่มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง รวมทั้งสารกลูเตน

“เรากำหนดตำแหน่งทางการตลาดของริ-โอ้ให้อยู่ในส่วนของตลาดขนมขึ้นรูป เนื่องจากเห็นว่ามีฐานทางการตลาดในระดับปานกลาง ทั้งยังมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีกเรื่อยๆ ในอนาคต ซึ่งหากริ-โอ้ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งภายในประเทศและการส่งออก เราก็พร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายขึ้น โดยอาจจะเปิดตัวภายในปี 2557”