ระเบิดศึกเครื่องซักผ้า “แอลจี” ทุ่ม 300 ล้านบาท ลั่นเบียดอีเลคโทรลักซ์ขึ้นแท่นผู้นำในสิ้นปี พร้อมรั้งบัลลังก์เจ้าตลาดเครื่องซักผ้าแบบเบ็ดเสร็จด้วยมาร์เกตแชร์ไม่ต่ำกว่า 32% ส่งรายได้กลุ่มเครื่องซักผ้าสู่ 5,000 ล้านบาท ฟากโรงงานอัดเพิ่มอีก 100 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตสู่ 2.3 ล้านเครื่องต่อปี เสิร์ฟส่งออกแก้เกมค่าเงินบาทแข็ง
นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องซักผ้ามูลค่า 15,000 ล้านบาทปีนี้เชื่อว่าจะเติบโต 10% เช่นเดียวกับด้านปริมาณที่มีมากกว่า 1.5 ล้านเครื่องที่จะเติบโต 10% แบ่งออกเป็น เครื่องซักผ้าฝาหน้า 10%, ฝาบน 50% และ 2 ฝา 40%
การเติบโตมาจากกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบนและฝาหน้าเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มฝาหน้าที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตสูง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่จำกัดพื้นที่การใช้งาน และเป็นลักษณะบิลต์อิน
ในส่วนของแอลจี ปีที่ผ่านมาเป็นผู้นำตลาดรวมเครื่องซักผ้าด้วยส่วนแบ่งกว่า 32% โดยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเซกเมนต์เครื่องซักผ้าฝาบน และ 2 ฝา ซึ่งทิศทางของตลาดกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบนที่เติบโตสูงส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะโฟกัสกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้าเป็นหลัก ภายใต้งบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท เปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 19 รุ่น มากกว่าปีก่อนที่เปิดตัวไป 14 รุ่น แบ่งออกเป็นฝาหน้า 10 รุ่น และฝาบน 9 รุ่น โดยเฉพาะฝาหน้าที่มีขนาดใหญ่สุด 13 กก. และ 17 กก. ถือเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่สุดในตลาด มาพร้อมเทคโนโลยี “ซิกซ์ โมชัน อินเวอร์เตอร์ ไดเรกต์ ไดรฟ์” รุ่น 17 กก. วางจำหน่ายในราคา 89,000 บาท มั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี หรือน่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 เครื่องต่อเดือน
บริษัทฯ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้แอลจีจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเซกเมนต์เครื่องซักผ้าฝาหน้าได้ จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมาพบว่า อันดับ 1. คือ อีเลคโทรลักซ์ มีแชร์ 31% 2. แอลจี 28% เพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่มีแชร์ 25% และ 3. ซัมซุง 10%
อย่างไรก็ตาม ในแง่การลงทุนของส่วนโรงงานผลิตเครื่องซักผ้า ปีนี้ได้เพิ่มงบอีก 100 ล้านบาทสำหรับการผลิตให้มีประสิทธิภาพและจำนวนการผลิตที่มากขึ้นจาก 2.1 ล้านเครื่องเป็น 2.3 ล้านเครื่องต่อปี แบ่งเป็นส่งออก 70% และจำหน่ายในประเทศ 30% สำหรับการส่งออกเครื่องซักผ้าไปทั่วโลก โดยไทยถือเป็น 1 ใน 4 ของฐานการผลิตเครื่องซักผ้าของแอลจี โดยอีก 3 แห่ง คือ อินเดีย จีน และเกาหลี ซึ่งปีนี้แต่ละแห่งจะมุ่งเน้นเรื่องของการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งขึ้น
นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงไตรมาสสองนี้จนไปถึงช่วงหน้าฝน มองว่าภาพรวมตลาดน่าจะทรงตัวเท่าปีก่อน ขณะที่การแข่งขันจะรุนแรงเช่นเดิม มุ่งเน้นในเรื่องของเทคโนโลยี รวมถึงการแข่งขันทางด้านราคาเป็นหลัก ซึ่งปีนี้มีแนวโน้มการทำราคาโปรโมชันน่าจะลดลงราว 15% เช่นปีก่อน โดยแอลจีพร้อมใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา
มั่นใจว่าถึงสิ้นปีกลุ่มเครื่องซักผ้าทั้งหมดจะทำได้ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโตที่ 20% เช่นเดียวกับภาพรวมรายได้ทั้งหมดของแอลจีที่ตั้งเป้าเติบโตที่ 20% เช่นกัน