xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดเครื่องซักผ้าโตคู่อสังหาฯ “แอลจี” เร่งยอดขายรักษาแชมป์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มร. ยอน โฮ (ไมเคิล) เจิง (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ และ อลงกรณ์ ชูจิตร (ขวา) รองกรรมการผู้จัดการ  บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น ซิกส์ โมชั่น อินเวอร์เตอร์ ไดเร็ค ไดร์ฟ พร้อมระบบฮีตเตอร์ครั้งแรกของประเทศไทย ที่เพิ่มประสิทธิภาพการซักอย่างสะอาดหมดจด
คาดปี 56 คว้าส่วนแบ่ง 31% จากมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท ครองตลาดติดต่อกัน 12 ปี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องซักผ้าฝาบนพร้อมระบบฮีทเตอร์ครั้งแรกในไทย พร้อมใช้งบฯ การตลาด 300 ล้านบาทหวังใช้เป็นหัวหอกทำยอดขายเพิ่มเป็น 35% ในปี 57

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านการตลาดเครื่องซักผ้าไทยว่า ในปี 2555 มีมูลค่ารวมประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของชนิดฝาบน 50% ชนิด 2 ถัง 35% และชนิดฝาหน้า 15% คิดเป็นจำนวนยูนิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าในปี 2556 มูลค่าตลาดจะยังคงที่เท่าเดิม เนื่องจากปัจจัยหลายด้านโดยเฉพาะเรื่องกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แต่จะกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้งในปี 2557 เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนยูนิตรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 ล้านเครื่อง

ก่อนหน้านั้นตลาดเครื่องซักผ้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยชนิดฝาบนมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 1% ชนิด 2 ถัง 5% และชนิดฝาหน้า 10% แต่คาดว่าในปี 2557 การเติบโตของชนิดฝาบนอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ชนิดฝาหน้าอาจขยายตัวเป็น 20% ทำให้สัดส่วนของชนิด 2 ถังลดลงมาเล็กน้อย โดยแอลจีถือเป็นผู้นำตลาดรวมเครื่องซักผ้าถึง 12 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2544 ล่าสุดในปี 2555 มีส่วนแบ่งการตลาด 31% โดยเป็นผู้นำตลาดชนิดฝาบนด้วยสัดส่วน 30% และชนิด 2 ถัง 33% ส่วนชนิดฝาหน้ายังเป็นอันดับสองด้วยสัดส่วน 28%

“ตลาดรวมเครื่องซักผ้ามีการเติบโตควบคู่ไปกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยและคอนโดมิเนียม ประกอบกับทัศนคติของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยการให้ความสำคัญในเรื่องของรูปแบบผลิตภัณฑ์และถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านจากที่เคยนำเครื่องซักผ้าไว้นอกบ้าน จึงทำให้เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น”

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อแยกเป็น 2 ส่วนคือ ชนิด 2 ถังในตลาดทั่วไปโดยเฉพาะต่างจังหวัดยังคำนึงเรื่องราคาเป็นหลัก โดยเฉลี่ยประมาณ 8,000-10,000 บาท ส่วนตลาดกลางและบนซึ่งมีการเติบโตประมาณปีละ 10% จะเน้นในเรื่องนวัตกรรม ฟังก์ชั่นการใช้งาน ประสิทธิภาพในการขจัดคราบฝังลึก และขนาดความจุ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแอลจีที่ทำให้มีอัตราเติบโตสูงกว่าตลาดประมาณ 5%

ในปี 2557 บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดเครื่องซักผ้าทั้ง 3 ชนิด ด้วยจำนวนขายรวม 6 แสนเครื่อง พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ครองตลาดติดต่อกันเป็นปีที่ 14 โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือเครื่องซักผ้าฝาบนพร้อมระบบฮีทเตอร์ที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมิน้ำได้สูงถึง 60 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยคาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เด่นที่สามารถจำหน่ายได้ถึง 3 หมื่นเครื่อง พร้อมรายได้ 5 พันล้านบาท

“การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้จึงทำให้แอลจีเป็นผู้นำตลาดทั้งยอดขายและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2557 บริษัทมีงบประมาณการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า 300 ล้านบาท โดยจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ใหม่คือเครื่องซักผ้าฝาบนพร้อมระบบฮีทเตอร์ ด้วยการใช้งบประมาณการตลาด 100 ล้านบาทในการสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ อย่างครบวงจร ทั้งภาพยนตร์โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง ดิจิตอลแคมเปญ การจัดโปรโมชั่นพิเศษหน้าร้าน และการจัดโรดโชว์ทั่วประเทศไทย”

อนึ่ง ในปี 2556 บริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 40% ธุรกิจผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ 35% ธุรกิจเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นด้านพลังงาน 15% และธุรกิจโทรศัพท์มือถือ 10%


กำลังโหลดความคิดเห็น