ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้วูบโตแค่ 5% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี เหตุกำลังซื้อลด โดยเฉพาะตลาดทีวีนิ่ง ปัญหาลังเลระบบดิจิตอล คาดไตรมาสสี่กระเตื้องเพราะระบะดิจิตอลทุกอย่างชัดแล้ว แอลจีส่งรุ่นใหม่ดึงตลาด
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะเติบโตแค่ 5% จากเดิมเฉลี่ยจะโต 10% และถือว่าปีนี้ยังเป็นปีที่เติบโตต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีก็ว่าได้เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดตัวลง โดยกลุ่มที่มีการเติบโตดีที่สุดในตลาดรวมคือ เครื่องปรับอากาศประมาณ 20% ขณะที่กลุ่มที่ต่ำลงมากคือโทรทัศน์ ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ไม่มีการเติบโตเลย โดยเฉพาะไตรมาสที่สามที่ตลาดชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อทีวีเครื่องใหม่เพราะยังรอความชัดเจนของเรื่องทีวีดิจิตอลจากภาครัฐว่าจะมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง รวมทั้งกำลังซื้อที่ลดลงด้วยเป็นผลให้ตลาดทีวีค่อนข้างนิ่งแต่หลังจากนี้นาจะดีขึ้นแล้วเพระกฎเกณฑ์ทีวีดิจิตอลอออกมาแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ทั้งปีตลาดทีวีจะมีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้วซึ่งปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้า 7% แต่ในแง่ปริมาณจะตกลงไปมาก ปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนรวม 2.8 ล้านยูนิตเท่านั้นเองจากปีที่แล้วที่มีปริมาณ 3 ล้านยูนิต
อย่างไรก็ตาม ทางแอลจีตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตมากกว่าตลาดรวมในกลุ่มของทีวีมากกว่า 5% ซึ่งขณะนี้เติบโตแล้วประมาณ 3% เนื่องจากว่าในช่วงไตรมาสที่สี่นี้จะเป็นช่วงหน้าขายสินค้าทีวีเช่นกัน และคาดว่าตลาดรวมก็น่าจะกู้ยอดขายและการเติบโตกลับมาได้บ้าง เพราะการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ
ล่าสุด แอลจี เปิดตัวทีวีรุ่นใหม่อีกคือ แอลจีเคิร์ฟโอเลด (LG CURVED OLED TV) เป็นแบรนด์เดียวในโลกขณะนี้ที่มีการจำหน่าย และไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่เปิดตัวต่อจากเกาหลีที่แรกเมื่อเดือนเมษายน ต่อด้วย อเมริกา เยอรมนี สิงคโปร์ โดยไทยวางขาย ขนาด 55 นิ้ว ราคา 399,990 บาท และระบบอัลตร้าเอชดีทีวีอีก 5 รุ่น ขนาด 55 นิ้ว ราคา 179,990 บาท ถึง 84 นิ้ว ราคา 499,990 บาท ซึ่งวางจำหน่ายแล้ว ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 1,000-1,200 เครื่องในส่วนของ OLED TV
สินค้าตัวใหม่ทั้งหมดนำเข้ามาจากเกาหลี ยกเว้นอัลตร้าขนาด 84 นิ้วที่ผลิตในไทย แต่ต้นปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะผลิตรุ่นใหม่ทั้งหมดนี้ในไทยที่โรงงานระยอง ด้วยการลงทุนเพิ่ม 60 ล้านบาทในการปรับระบบการผลิต ส่วนรุ่นเดิมที่วางจำหน่ายอยู่ผลิตในไทยมีทั้งหมด 32 รุ่น โดยมี 12 รุ่นที่เป็นระบบจูนเนอร์ดิจิตอลบิ้วท์อินแล้ว รองรับตลาดทีวีดิจิตอล ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสัดส่วนทีวีดิจิตอลจะเป็น 80% ของตลาดรวม
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตรวมไว้ 10% ทั้งบริษัทในทุกกลุ่มสินค้า ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 15% ซึ่งปีนี้ในส่วนของกลุ่มทีวีตั้งเป้าหมาย เติบโต 5% เป็นอันดับสองในตลาดมีแชร์ 22% ส่วนปีหน้าตั้งเป้าแชร์ตลาดทีวีไว้ที่ 25% ยังคเป็นเบอร์สองในตลาดทีวี ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดทีวีมีแชร์ 37%
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะเติบโตแค่ 5% จากเดิมเฉลี่ยจะโต 10% และถือว่าปีนี้ยังเป็นปีที่เติบโตต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีก็ว่าได้เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดตัวลง โดยกลุ่มที่มีการเติบโตดีที่สุดในตลาดรวมคือ เครื่องปรับอากาศประมาณ 20% ขณะที่กลุ่มที่ต่ำลงมากคือโทรทัศน์ ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ไม่มีการเติบโตเลย โดยเฉพาะไตรมาสที่สามที่ตลาดชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อทีวีเครื่องใหม่เพราะยังรอความชัดเจนของเรื่องทีวีดิจิตอลจากภาครัฐว่าจะมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง รวมทั้งกำลังซื้อที่ลดลงด้วยเป็นผลให้ตลาดทีวีค่อนข้างนิ่งแต่หลังจากนี้นาจะดีขึ้นแล้วเพระกฎเกณฑ์ทีวีดิจิตอลอออกมาแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ทั้งปีตลาดทีวีจะมีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้วซึ่งปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้า 7% แต่ในแง่ปริมาณจะตกลงไปมาก ปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนรวม 2.8 ล้านยูนิตเท่านั้นเองจากปีที่แล้วที่มีปริมาณ 3 ล้านยูนิต
อย่างไรก็ตาม ทางแอลจีตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตมากกว่าตลาดรวมในกลุ่มของทีวีมากกว่า 5% ซึ่งขณะนี้เติบโตแล้วประมาณ 3% เนื่องจากว่าในช่วงไตรมาสที่สี่นี้จะเป็นช่วงหน้าขายสินค้าทีวีเช่นกัน และคาดว่าตลาดรวมก็น่าจะกู้ยอดขายและการเติบโตกลับมาได้บ้าง เพราะการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ
ล่าสุด แอลจี เปิดตัวทีวีรุ่นใหม่อีกคือ แอลจีเคิร์ฟโอเลด (LG CURVED OLED TV) เป็นแบรนด์เดียวในโลกขณะนี้ที่มีการจำหน่าย และไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่เปิดตัวต่อจากเกาหลีที่แรกเมื่อเดือนเมษายน ต่อด้วย อเมริกา เยอรมนี สิงคโปร์ โดยไทยวางขาย ขนาด 55 นิ้ว ราคา 399,990 บาท และระบบอัลตร้าเอชดีทีวีอีก 5 รุ่น ขนาด 55 นิ้ว ราคา 179,990 บาท ถึง 84 นิ้ว ราคา 499,990 บาท ซึ่งวางจำหน่ายแล้ว ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 1,000-1,200 เครื่องในส่วนของ OLED TV
สินค้าตัวใหม่ทั้งหมดนำเข้ามาจากเกาหลี ยกเว้นอัลตร้าขนาด 84 นิ้วที่ผลิตในไทย แต่ต้นปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะผลิตรุ่นใหม่ทั้งหมดนี้ในไทยที่โรงงานระยอง ด้วยการลงทุนเพิ่ม 60 ล้านบาทในการปรับระบบการผลิต ส่วนรุ่นเดิมที่วางจำหน่ายอยู่ผลิตในไทยมีทั้งหมด 32 รุ่น โดยมี 12 รุ่นที่เป็นระบบจูนเนอร์ดิจิตอลบิ้วท์อินแล้ว รองรับตลาดทีวีดิจิตอล ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสัดส่วนทีวีดิจิตอลจะเป็น 80% ของตลาดรวม
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตรวมไว้ 10% ทั้งบริษัทในทุกกลุ่มสินค้า ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 15% ซึ่งปีนี้ในส่วนของกลุ่มทีวีตั้งเป้าหมาย เติบโต 5% เป็นอันดับสองในตลาดมีแชร์ 22% ส่วนปีหน้าตั้งเป้าแชร์ตลาดทีวีไว้ที่ 25% ยังคเป็นเบอร์สองในตลาดทีวี ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดทีวีมีแชร์ 37%