ASTV ผู้จัดการรายวัน- “โซลูชั่น คอนเนอร์” เชื่อ “สปริงนิวส์”มีโอกาสชนะประมูลทีวีดิจิตอล ผู้บริหารเดินหน้าเตรียมความพร้อมทั้งพาร์ทเนอร์ข่าว, นิวมีเดีย และพันธมิตรด้านเงินลงทุน ระบุมีแล้วกว่า 700 ล้านพร้อมลงทุน จากกระแสเงินสด และหุ้นเพิ่มทุนPPบางส่วนที่ยังไม่ปล่อยขาย แต่ยอมรับต้นทุนที่เพิ่ม จะกดดันเห็นผลดำเนินเป็นบวกต้องรออีก3 ปี ส่วนหลังจากนั้นสดใสมาร์จิ้นพุ่ง สัดส่วนรายได้ธุรกิจเปลี่ยน ธุรกิจข่าวจะพลิกกลับมาเป็น 2ใน3 ของทั้งหมด
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เปิดเผยว่า จากการเข้าซื้อเอกสารการประมูลช่องข่าวทีวีดิจิตอล 1 ช่อง กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พบว่าบริษัทมีโอกาสที่บริษัทจะชนะการประมูลด้วยเช่นกัน จากปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมประมูล 12 ราย แต่จะมีผู้ชนะการประมูล 7 ราย ทำให้คาดว่างผู้ที่ไม่ได้ชนะประมูล ยังมีโอกาสเข้าดำเนินธุรกิจดังกล่าวผ่านรูปแบบพันธมิตรทางธุรกิจได้
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแผน บริษัทตั้งงบลงทุนในส่วนนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี และมีแผนหาพาร์ทเนอร์เข้าร่วมธุรกิจ แบ่งเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการเงิน ซึ่งกำลังเจรจาประมาณ 3-4 ราย(สถาบันการเงิน กองทุน และบริษัทลงทุน) คาดว่าจะได้ความชัดเจนในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ปีหน้า นอกจากนี้จะหาพาร์ทเนอร์ทางกลยุทธ์ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เช่น นิวมีเดีย และมีการหารือพันธมิตรด้านข่าวต่างประเทศอีก 2-3 ราย รวมทั้งการพาร์ทเนอร์ในลักษณะร่วมลงทุนเข้ามาช่วยเสริม
“ตอนนี้เรามีเงินสดรองรับประมาณ 270 ล้านบาท และยังมีหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP)ที่ขออนุมัติไว้1,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.535 บาท เหลืออยู่ 900 ล้านหุ้น ทำให้เรามีเงินพร้อมลงทุนแล้วกว่า 700 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงบในการปรับปรุงอุปกรณ์อีก150 ล้านบาท”
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ สปริงนิวส์ ผู้บริหารระบุว่า ปัจจุบันยังขาดทุนเดือนละ 8 ล้านบาท แต่มีทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่าในช่วงมีนาคมปีหน้า หรือช่วงไตรมาส2/57 จะกลับมาเป็นบวก แต่จะเป็นเฉพาะในส่วนของงานข่าวทีวีดาวเทียม ส่วนด้านทีวีดิจิตอลซึ่งตอนนี้กำลังเปิดรับบุคลากรจำนวนมากร่วม 300 คนเข้ามารองรับนั้น หากชนะประมูลบริษัทจะมีต้นทุนทางบัญชีกว่าเดือนละ90 ล้านบาท ซึ่งมาจากต้นทุนค่าเสื่อมราคา ค่าโครงข่าย และค่าสัมปทาน เพิ่มเข้ามา ทำให้คาดว่าต้องใช้เวลาอีก3ปี ถึงจะได้เห็นการฟื้นตัวของธุรกิจ และจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ กสทช. ให้บรรดาช่องฟรีทีวีหลักเปลี่ยนระบบจากอนาล็อคเข้ามาสู่ทีวีดิจิตอลเต็มตัว นั่นหมายถึงเม็ดเงินโฆษณาจะเข้ามาสู่ตลาดทีวีดิจิตอลเต็มที่
“ตอนเริ่มต้น การลงทุนในด้านธุรกิจข่าวจะสูง แต่เมื่อต้นทุนทางบัญชีหมด มาร์จิ้นจะดีกว่าธุรกิจไอที เช่นรายได้ 100% เริ่มต้นจะเป็นต้นทุน80% กำไร20% แต่เมื่อต้นทุนหมด รายได้100% ก็จะเป็นกำไร80% ต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ 20% ขณะที่ธุรกิจไอที ต่อชิ้นงานจะมีต้นทุนในระดับสูง ทำให้มีมาร์จิ้นคงที่เท่าเดิม อนาคตเราจึงตั้งเป้าจะมีรายได้จาก สปริงนิวส์ คิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจไอทีจะมีรายได้เพียง 1ใน 3 จากปัจจุบันที่เป็นรายได้ 2 ใน3 ของทั้งหมด โดยงบรวมปีหน้า เรายังมองว่าไม่กำไร เพราะครึ่งปีแรก56 เรายังขาดทุน 99 ล้านบาท แต่มั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะถึงเป้าหมาย 300 ล้านบาท และเริ่มเห็นเป็นงบบวกแน่ๆในปี59 หรืออีก 3ปี”
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3 บริษัทคาดว่ารายได้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2ที่มีรายได้ 42 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของบริษัทลูกปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัท ซิงค์ เทคโนโลยี จำกัด เริ่มมีกำไร ขณะที่บริษัทเอ็นไวรอนเมนทอล โซลูชั่น อินทิเกรเตอร์ เริ่มจะเห็นกำไรได้ในไตรมาส 3นี้ ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้า 300 ล้านบาท จากรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมรับรู้รายได้จากงานประมูลด้านวางระบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ของภาครัฐฯ และภาคเอกชน เช่นระบบความปลอดภัย , งานควบคุมด้านสภาพอากาศ ซึ่งทำให้SLC มีงานในมือ (Backlog) ที่ทยอยรับรู้ในปีนี้ 50-60 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอีกประมาณ 80 ล้านบาทจากงานที่บริษัทมีสัญญาอยู่แล้ว และจะทยอยรับรู้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เปิดเผยว่า จากการเข้าซื้อเอกสารการประมูลช่องข่าวทีวีดิจิตอล 1 ช่อง กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พบว่าบริษัทมีโอกาสที่บริษัทจะชนะการประมูลด้วยเช่นกัน จากปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมประมูล 12 ราย แต่จะมีผู้ชนะการประมูล 7 ราย ทำให้คาดว่างผู้ที่ไม่ได้ชนะประมูล ยังมีโอกาสเข้าดำเนินธุรกิจดังกล่าวผ่านรูปแบบพันธมิตรทางธุรกิจได้
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแผน บริษัทตั้งงบลงทุนในส่วนนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี และมีแผนหาพาร์ทเนอร์เข้าร่วมธุรกิจ แบ่งเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการเงิน ซึ่งกำลังเจรจาประมาณ 3-4 ราย(สถาบันการเงิน กองทุน และบริษัทลงทุน) คาดว่าจะได้ความชัดเจนในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ปีหน้า นอกจากนี้จะหาพาร์ทเนอร์ทางกลยุทธ์ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เช่น นิวมีเดีย และมีการหารือพันธมิตรด้านข่าวต่างประเทศอีก 2-3 ราย รวมทั้งการพาร์ทเนอร์ในลักษณะร่วมลงทุนเข้ามาช่วยเสริม
“ตอนนี้เรามีเงินสดรองรับประมาณ 270 ล้านบาท และยังมีหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP)ที่ขออนุมัติไว้1,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.535 บาท เหลืออยู่ 900 ล้านหุ้น ทำให้เรามีเงินพร้อมลงทุนแล้วกว่า 700 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงบในการปรับปรุงอุปกรณ์อีก150 ล้านบาท”
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ สปริงนิวส์ ผู้บริหารระบุว่า ปัจจุบันยังขาดทุนเดือนละ 8 ล้านบาท แต่มีทิศทางที่ดีขึ้น และคาดว่าในช่วงมีนาคมปีหน้า หรือช่วงไตรมาส2/57 จะกลับมาเป็นบวก แต่จะเป็นเฉพาะในส่วนของงานข่าวทีวีดาวเทียม ส่วนด้านทีวีดิจิตอลซึ่งตอนนี้กำลังเปิดรับบุคลากรจำนวนมากร่วม 300 คนเข้ามารองรับนั้น หากชนะประมูลบริษัทจะมีต้นทุนทางบัญชีกว่าเดือนละ90 ล้านบาท ซึ่งมาจากต้นทุนค่าเสื่อมราคา ค่าโครงข่าย และค่าสัมปทาน เพิ่มเข้ามา ทำให้คาดว่าต้องใช้เวลาอีก3ปี ถึงจะได้เห็นการฟื้นตัวของธุรกิจ และจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ กสทช. ให้บรรดาช่องฟรีทีวีหลักเปลี่ยนระบบจากอนาล็อคเข้ามาสู่ทีวีดิจิตอลเต็มตัว นั่นหมายถึงเม็ดเงินโฆษณาจะเข้ามาสู่ตลาดทีวีดิจิตอลเต็มที่
“ตอนเริ่มต้น การลงทุนในด้านธุรกิจข่าวจะสูง แต่เมื่อต้นทุนทางบัญชีหมด มาร์จิ้นจะดีกว่าธุรกิจไอที เช่นรายได้ 100% เริ่มต้นจะเป็นต้นทุน80% กำไร20% แต่เมื่อต้นทุนหมด รายได้100% ก็จะเป็นกำไร80% ต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ 20% ขณะที่ธุรกิจไอที ต่อชิ้นงานจะมีต้นทุนในระดับสูง ทำให้มีมาร์จิ้นคงที่เท่าเดิม อนาคตเราจึงตั้งเป้าจะมีรายได้จาก สปริงนิวส์ คิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจไอทีจะมีรายได้เพียง 1ใน 3 จากปัจจุบันที่เป็นรายได้ 2 ใน3 ของทั้งหมด โดยงบรวมปีหน้า เรายังมองว่าไม่กำไร เพราะครึ่งปีแรก56 เรายังขาดทุน 99 ล้านบาท แต่มั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะถึงเป้าหมาย 300 ล้านบาท และเริ่มเห็นเป็นงบบวกแน่ๆในปี59 หรืออีก 3ปี”
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3 บริษัทคาดว่ารายได้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2ที่มีรายได้ 42 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของบริษัทลูกปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัท ซิงค์ เทคโนโลยี จำกัด เริ่มมีกำไร ขณะที่บริษัทเอ็นไวรอนเมนทอล โซลูชั่น อินทิเกรเตอร์ เริ่มจะเห็นกำไรได้ในไตรมาส 3นี้ ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้า 300 ล้านบาท จากรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมรับรู้รายได้จากงานประมูลด้านวางระบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ของภาครัฐฯ และภาคเอกชน เช่นระบบความปลอดภัย , งานควบคุมด้านสภาพอากาศ ซึ่งทำให้SLC มีงานในมือ (Backlog) ที่ทยอยรับรู้ในปีนี้ 50-60 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอีกประมาณ 80 ล้านบาทจากงานที่บริษัทมีสัญญาอยู่แล้ว และจะทยอยรับรู้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า