xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามอนุมัติแผนโรงกลั่น-ปิโตรฯ ของ ปตท. ให้สรุปผลศึกษา 1 ปีทั้งพาร์ตเนอร์-เงินกู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลเวียดนามเห็นชอบโครงการลงทุนโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีครบวงจรมูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐของ ปตท. เตรียมบรรจุไว้ในแผนพัฒนาน้ำมันและก๊าซฯ แห่งชาติเวียดนาม โดยให้ ปตท.ไปศึกษาความเป็นไปได้โครงการอย่างละเอียดภายใน 12 เดือนก่อนเดินหน้าโครงการ ด้าน ปตท.เผยสนใจเข้าถือหุ้น 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมดเท่ากับเวียดนาม เปิดทางพันธมิตรทั้งปูนใหญ่ และต่างชาติร่วมทุนในโครงการนี้

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลเวียดนามได้เห็นชอบกรอบการศึกษาเบื้องต้นโครงการลงทุนโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีครบวงจรที่เมืองบินห์ดินห์ ประเทศเวียดนามของบริษัทฯ แล้ว โดยจะบรรจุโครงการดังกล่าวในแผนพัฒนาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งชาติเวียดนาม ขณะเดียวกันทาง ปตท.จะต้องศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ (Detail FEASIBILITY STUDY) แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน หลังจากนั้นหากรัฐบาลเวียดนามอนุมัติก็จะเดินหน้าโครงการได้เลย

โครงการดังกล่าวจะสร้างโรงกลั่นน้ำมันขนาด 6.6 แสนบาร์เรล/วัน เป็นขนาดกำลังการกลั่นใกล้เคียงโรงกลั่นใหม่ของสิงคโปร์ ซึ่งออกแบบเพื่อต่อยอดการผลิตโอเลฟินส์ 6.5 ล้านตัน/ปี และโรงอะโรเมติกส์ 3.7 ล้านตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 2.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.6 แสนล้านบาท ผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ประมาณ 14-15% โครงการนี้จะใช้วัตถุดิบคือน้ำมันดิบนำเข้าจากตะวันออกกลาง

เนื่องจากเป็นการลงทุนมหาศาลทำให้มีหลายฝ่ายมองว่าเกิดได้ยาก นายไพรินทร์กล่าวว่า หากผลการศึกษาพบว่าเป็นโครงการที่ดี ผลตอบแทนดีเชื่อว่ามีนักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนด้วย อีกทั้งโครงการนี้ไม่ห่างจากเมืองดานัง ของเวียดนามซึ่งสามารถเชื่อมโยงมายังไทยต่อไปยังนิคมฯ ทวาย ประเทศพม่า และเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย เพื่อส่งออกน้ำมันและปิโตรเคมีในอนาคตได้ กล่าวได้ว่าเป็นโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด อาเซียน เพราะเป็นการเชื่อมประเทศระหว่างฝั่งตะวันออกกับตะวันตกเข้าหากัน และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 จะทำให้เป็นตลาดใหญ่ที่จะรองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้

“ส่วนที่มีสื่อมองว่าโครงการนี้จะไม่เกิดขึ้นนั้นเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนมาก แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาโครงการเกิดขึ้นได้ โดยดึงพันธมิตรร่วมทุนเข้ามา คงต้องรอดูผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอีกครั้ง”

แหล่งข่าวระดับสูงของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ รอหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเวียดนามก่อน หลังจากนั้นก็จะเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้โครงการอย่างละเอียด ซึ่งจะมีทั้งการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การหาพันธมิตรทางธุรกิจ และแหล่งเงินกู้ในโครงการดังกล่าว เป็นต้น โดยเครือ ปตท.มีเป้าหมายที่จะเข้าไปถือหุ้นในโครงการดังกล่าวประมาณ 1 ใน 3 ของโครงการทั้งหมด โดยเสนอให้เวียดนามเข้ามาถือหุ้น 1 ใน 3 ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ปตท.เปิดให้พันธมิตรร่วมทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาร่วมถือหุ้นในโครงการ โดยพันธมิตรเหล่านี้จะต้องมีส่วนช่วยเสริมให้โครงการเดินหน้าไปได้ เช่น หาพันธมิตรจากตะวันออกกลางที่มีวัตถุดิบป้อนโครงการ หรือดึงเทรดเดอร์มาช่วยด้านตลาด ขณะเดียวกันก็จะชักชวนบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมทุนในโครงการดังกล่าวด้วยแทนการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของเครือซิเมนต์ไทยเองเพื่อลดความซ้ำซ้อนด้านการลงทุนโครงการต่างๆ

หลังจากรัฐบาลอนุมัติให้เดินหน้าโครงการจะใช้เวลาในการออกแบบก่อสร้าง คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563 ซึ่งการจัดหาเงินกู้ไม่น่าจะมีปัญหาหากโครงการมีผลตอบแทนการลงทุนที่ดี

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการประชาชนบินห์ดินห์ได้ลงนามในข้อตกลงบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (เอ็มโอยู) เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างเจ้าหน้าที่ของจังหวัดบินห์ดินห์ และ ปตท.ในโครงการโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีครบวงจร ซึ่งหากโครงการนี้เดินหน้าได้จะเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีมูลค่ามากที่สุดในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเวียดนามมีโรงกลั่นขนาดเล็ก ไม่เพียพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ และยังต้องนำเข้าปิโตรเคมีด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น