xs
xsm
sm
md
lg

“ปูนซิเมนต์ไทย”จับมือ “เกเบอร์ริต” ร่วมเทคโอเวอร์ “โกรเฮ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - ปูนซิเมนต์ไทยร่วมจับมือกับเกเบอร์ริตแห่งจากสวิตเซอร์แลนด์ หวังเทคโอเวอร์บริษัทผลิตสุขภัณฑ์สัญชาติเยอรมัน “โกรเฮ” ซึ่งถือว่าเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเท่าที่เคยมีมา

จากแหล่งข่าวเปิดเผยว่า บริษัทจากประเทศไทย ปูนซิเมนต์ไทยและบริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์ เกเบอร์ริต มีความสนใจที่จะซื้อบริษัทสุขภัณฑ์สัญชาติเยอรมันโกรเฮ ซึ่งดีลนี้มีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านยูโร หรือ 5 พันล้านดอลลาร์

อ้างอิงจากแหล่งข่าว พบว่าผู้มีความประสงค์ซื้อมีระยะการยื่นที่จะหมดเขตในอาทิตย์หน้า

ส่วนเจ้าของโกรเฮนั้นมีผุ้ถือหุ้นใหญ่ 2 บริษัทด้วยกันคือ บริษัท TPG แคปิตอล และ บริษัท Credit Suisse Private Equity ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ2ทางเลือกพร้อมกัน กล่าวคือ ทางแรก จัดทำการเสนอขาย หุ้นIPOของบริษัทสุขภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และทางที่สองคือการเสนอขายให้ผู้ที่สนใจ

ซึ่งในอดีต มีบริษัทอเมริกันแบรนด์ ฟอร์จูน แสดงความสนใจที่จะซื้อแต่ก็ไม่ได้ติดตามแต่อย่างใด

หลังจากที่มีข่าวนี้ออกมา ทั้งปูนซิเมนต์ไทยและเกเบอร์ริตยังไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ และฟอร์จูนปฏิเสธที่จะให้ความเห็น

ทางด้านซีอีโอของปูนซิเมนต์ไทย กานต์ ตระกูลฮุน ได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อต้นสัปดาห์ว่า “M&A เป็นเป้าหมายหลักของปูนซิเมนต์ไทย และทางบริษัทได้พูดคุยในหลายๆดีลด้วยกัน” กานต์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้

และ ซาเวียร์ ณอน จากสถาบันจัดอันดับ S&P ให้ความเห็นว่า เขาสงสัยถึงวิธีคิดในการรวมตัวของบริษัทปูนใหญ่กับโกรเฮ เพราะบริษัทปูนซเมนต์ไทยขาดประสบการณ์ทางด้านต่างประเทศ

“บริษัทปูนซิเมนต์ไทยไม่มีประสบการณ์ในการตกลงดีลขนาดใหญ่นอกตลาดในประเทศ ผมไม่คิดว่านี่เป็นกลยุทธที่บริษัทปูนใหญ่ต้องการใช้” ณอนกล่าว

ที่ผ่านมา บริษัทเจ้าของโกรเฮได้แสดงความจำนงที่จะขายโกรเฮมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว นอกจากเสนอขายตรงให้กับผู้สนใจ บริษัทเจ้าของโกรเฮยังได้ทำแผนสำหรับการขายหุ้น IPO

บริษัทโกรเฮนั้นมีสัดส่วนการตลาดโลกอยู่ที่ 8% มีรายได้หลังการขายที่ 1.4 พันล้าน ยูโร และยอด EBITDA อยู่ที่ 273 ล้านยูโรในปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขของปี 2013 ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่สามารถใช้ประเมินมูลค่าของบริษัทได้

และจากการให้สัมภาษณ์ของปูนซิเมนต์ไทยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทางบริษัทเผยว่ามีความต้องการขยายกิจการของบริษัทเพื่อต้อนรับการเติบโตเศรษฐกิจในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริษัทปูนใหญ่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้นอยู่ 30 % และบริษัทปูนใหญ่ได้ลงทุนไปกว่า 92 พันล้านบาท หรือ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2001
กำลังโหลดความคิดเห็น