xs
xsm
sm
md
lg

“ปูนซิเมนต์ไทย”ต่างชาติรุมจีบร่วมทุนปิโตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปูนใหญ่ฟุ้งโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามเนื้อหอม ต่างชาติหลายรายสนใจเข้าร่วมทุนเมินยังไม่ตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ใหม่ช่วงนี้ มั่นใจต้นปีได้ข้อสรุปการจัดหาเงินกู้หลังเปลี่ยนวิธีใหม่เป็นคอร์ปอเรทไฟแนนซ์ แทนโปรเจ็กซ์ไฟแนนซ์
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนามว่า ขณะนี้มีนักลงทุนหลายรายสนใจเข้าร่วมทุนในโครงการดังกล่าวนอกเหนือจากการ์ต้า และบริษัทฯยังไม่จำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์เพิ่มเติมในช่วงนี้ โดยเบื้องต้นกลุ่มซิเมนต์ไทยจะถือหุ้น 71 % ที่เหลือเป็นการถือหุ้นโดยเวียดนาม และโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนาม
ส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์มูลค่า 4-4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเดิมบริษัท ฯวางแผนจะสรุปการจัดหาเงินกู้โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จในปลายปีนี้ แต่คงต้องเลื่อนไปเป็นต้นปี 2555แทน โดยยอมรับว่าการเจรจาสินเชื่อขณะนี้ไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว เดิมบริษัทฯมีแผนการกู้เงินโดยใช้โปรเจ๊กต์ ไฟแนนซ์ จากปัญหาเศรษฐกิจโลกในสหรัฐและปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงยุโรป ทำให้สถาบันการเงินกังวลและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในโครงการนี้
ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีการหารือกับพันธมิตรทางธุรกิจโดยเปลี่ยนจากโปรเจ็กซ์ ไฟแนนซ์เป็นคอร์ปอเรท ไฟแนนซ์แทน ทำให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าโครงการได้เร็วขึ้นโดยเอสซีจีไม่มีปัญหาการจัดหาเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการนี้อยู่แล้ว เพราะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและการขายหุ้นบมจ.ปตท.เคมิคอลไปก่อนหน้านี้
เมื่อเร็วๆนี้ เอสซีจีได้แจ้งการเข้าไปร่วมลงทุนบริษัท พีที จันทรา แอสซรี หรือ CAP ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในอินโดนีเซีย โดยเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 30 % มูลค่าเงินลงทุน 1.35 หมี่นล้านบาท โดยซื้อหุ้นจากบาริ และแอ็พเพิลตัน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเทมาเส็ก โดยการลงทุนในครั้งนี้เป็นการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจของเอสซีจีที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน เนื่องจากอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีจำนวนประชากรสูงที่สุดในภูมิภาค มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขณะที่กำลังการผลิตเม็ดพลาสติกในอินโดนีเซียไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศแทบทุกผลิตภัณฑ์
นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามแล้ว เอสซีจียังมีแผนจะเข้าไปซื้อกิจการ(M&A)ธุรกิจซีเมนต์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปซื้อธุรกิจกระดาษในเวียดนามทำให้เอสซีจีมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ในเวียดนาม
กำลังโหลดความคิดเห็น