ASTVผู้จัดการรายวัน - เอสซีจี เคมิคอลส์ซื้อหุ้น”พีที จันทรา แอสซรี” ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเคมีครบวงจรรายใหญ่ในอินโดนีเซีย สัดส่วนถือหุ้น 30% คิดเป็นมูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นดังกลาวซื้อจากกลุ่มเทมาเส็ก 23%และบารินโตะ 7% ตามวิสัยทัศน์เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน และมีแผนเข้าประมูลซื้อหุ้นใน “ Sulfindo Adiusaha” ซึ่งเป็นโรงงานปิโตรเคมีในอินโดนีเซียอีกด้วย คาดมีความชัดเจน 2เดือนนี้
นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (เอสซีจี เคมิคอลส์) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท พีที จันทรา แอสซรี (PT Chandra Asri Petrochemical Tbk :CAP) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ TPIA
โดยซื้อจากบริษัท PT Barito Pacific Tbk (บารินโตะ ) จำนวน 218,520,300 หุ้น และจากบริษัท Apleton Investments Limited (ในเครือเทมาเส็ก)จำนวน 701,338,625 หุ้น การลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,760,383,285,400 รูเปีย หรือประมาณ 13,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นหุ้นละ 4,088 รูเปียเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
ภายหลังจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554 เอสซีจี เคมิคอลส์ จะถือหุ้นใน CAP คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยบารินโตะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน CAP
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้นดังกล่าวนี้ จะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินงานและการขายหุ้นบมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH)ก่อนหน้านี้ ทำให้มีเงินสดในมืออยู่ 6 หมื่นล้านบาท
“การเข้าซื้อหุ้นCAP ทั้ง 30% เป็นการซื้อหุ้นจากกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิง ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ถือหุ้นCAPผ่านบริษัท Apleton Investments Limited ทั้งหมดจำนวน 23% เนื่องจากเอสซีจี ต้องการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวสัดส่วน 30% จึงได้เจรจากับบารินโตะเพื่อซื้อหุ้นเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ในการบริหารงานบริษัท CAP นั้น จะเป็นการบริหารงานร่วมกันโดยบริษัทฯจะส่งคนเข้าไปร่วมเป็นบอร์ดด้วย”
นายเชาวลิต กล่าวต่อไปว่า การลงทุนครั้งนี้ เป็นการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจของเอสซีจีที่มุ่งสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน โดยอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง และเป็นหนึ่งในประเทศหลักในอาเซียนที่เอสซีจีเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีจำนวนประชากรสูงที่สุดในภูมิภาค มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ มุ่งหวังที่จะสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับ Barito อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายปราโจโกะ ปังเกสตู ประธานกรรมการ บาริโตะ กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับเอสซีจี และเชื่อมั่นว่าการทำธุรกิจร่วมกันจะช่วยส่งเสริมให้ CAP ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายให้สามารถสร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า การลงทุนในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ความร่วมมือระว่างเอสซีจีกับบาริโตะ จะช่วยเสริมศักยภาพ CAPในการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ นอกเหนือไปจากโครงการปิโตเคมีคอมเพล็กที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จในการผลักดันธุรกิจเคมีภัณฑ์ของเอสซีจีเติบโตสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน
นอกจากนี้เอสซีจียังได้เข้าประมูลซื้อหุ้นในบริษัท Sulfindo Adiusaha ซึ่งเป็นโรงงานปิโตรเคมีในอินโดนีเซียด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนในอีก 2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจปิโตรเคมีในอินโดนีเซียมีอนาคตดี ความต้องการใช้เติบโตต่อเนื่องแต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ทำให้อินโดนีเซียต้องนำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศเข้ามา
ทั้งนี้ CAP เป็นผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในประเทศอินโดนีเซีย มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 คิดเป็น 13.4 ล้านล้านรูเปีย (1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) มียอดขายรวมในไตรมาสแรกของปีนี้ 4.7 ล้านล้านรูเปีย (547 ล้านเหรียญสหรัฐ ) ปัจจุบัน CAP เป็นผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองจิเลกอน เมืองอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลในจังหวัดบันเตน ซึ่งอยู่ทางปลายสุดด้านตะวันตกของเกาะชวา มีกำลังผลิตเอทิลีนปีละ 600,000 ตัน โพรไพลีนปีละ 320,000 ตัน โพลิเอทิลีนปีละ 320,000 ตัน โพลิโพรไพลีนปีละ 480,000 ตัน และสไตรีนโมโนเมอร์ปีละ 340,000 ตัน
นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (เอสซีจี เคมิคอลส์) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท พีที จันทรา แอสซรี (PT Chandra Asri Petrochemical Tbk :CAP) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ TPIA
โดยซื้อจากบริษัท PT Barito Pacific Tbk (บารินโตะ ) จำนวน 218,520,300 หุ้น และจากบริษัท Apleton Investments Limited (ในเครือเทมาเส็ก)จำนวน 701,338,625 หุ้น การลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,760,383,285,400 รูเปีย หรือประมาณ 13,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นหุ้นละ 4,088 รูเปียเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
ภายหลังจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554 เอสซีจี เคมิคอลส์ จะถือหุ้นใน CAP คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยบารินโตะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน CAP
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้นดังกล่าวนี้ จะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินงานและการขายหุ้นบมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH)ก่อนหน้านี้ ทำให้มีเงินสดในมืออยู่ 6 หมื่นล้านบาท
“การเข้าซื้อหุ้นCAP ทั้ง 30% เป็นการซื้อหุ้นจากกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิง ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ถือหุ้นCAPผ่านบริษัท Apleton Investments Limited ทั้งหมดจำนวน 23% เนื่องจากเอสซีจี ต้องการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวสัดส่วน 30% จึงได้เจรจากับบารินโตะเพื่อซื้อหุ้นเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ในการบริหารงานบริษัท CAP นั้น จะเป็นการบริหารงานร่วมกันโดยบริษัทฯจะส่งคนเข้าไปร่วมเป็นบอร์ดด้วย”
นายเชาวลิต กล่าวต่อไปว่า การลงทุนครั้งนี้ เป็นการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจของเอสซีจีที่มุ่งสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน โดยอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง และเป็นหนึ่งในประเทศหลักในอาเซียนที่เอสซีจีเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีจำนวนประชากรสูงที่สุดในภูมิภาค มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ มุ่งหวังที่จะสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับ Barito อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายปราโจโกะ ปังเกสตู ประธานกรรมการ บาริโตะ กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับเอสซีจี และเชื่อมั่นว่าการทำธุรกิจร่วมกันจะช่วยส่งเสริมให้ CAP ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายให้สามารถสร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า การลงทุนในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ความร่วมมือระว่างเอสซีจีกับบาริโตะ จะช่วยเสริมศักยภาพ CAPในการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ นอกเหนือไปจากโครงการปิโตเคมีคอมเพล็กที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จในการผลักดันธุรกิจเคมีภัณฑ์ของเอสซีจีเติบโตสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน
นอกจากนี้เอสซีจียังได้เข้าประมูลซื้อหุ้นในบริษัท Sulfindo Adiusaha ซึ่งเป็นโรงงานปิโตรเคมีในอินโดนีเซียด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนในอีก 2 เดือนข้างหน้า เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจปิโตรเคมีในอินโดนีเซียมีอนาคตดี ความต้องการใช้เติบโตต่อเนื่องแต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ทำให้อินโดนีเซียต้องนำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศเข้ามา
ทั้งนี้ CAP เป็นผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในประเทศอินโดนีเซีย มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 คิดเป็น 13.4 ล้านล้านรูเปีย (1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) มียอดขายรวมในไตรมาสแรกของปีนี้ 4.7 ล้านล้านรูเปีย (547 ล้านเหรียญสหรัฐ ) ปัจจุบัน CAP เป็นผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองจิเลกอน เมืองอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลในจังหวัดบันเตน ซึ่งอยู่ทางปลายสุดด้านตะวันตกของเกาะชวา มีกำลังผลิตเอทิลีนปีละ 600,000 ตัน โพรไพลีนปีละ 320,000 ตัน โพลิเอทิลีนปีละ 320,000 ตัน โพลิโพรไพลีนปีละ 480,000 ตัน และสไตรีนโมโนเมอร์ปีละ 340,000 ตัน