“ปูนใหญ่” เผยผลประกอบการ Q2/54 กำไรสุทธิโต 3% เทียบกับ Q2/53 แต่ลดลง 19% จากไตรมาสแรก ส่วนผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 54 มีกำไร 16,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยที่ประชุม “บอร์ด” ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 5.50 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 25 ส.ค.นี้ พร้อมอนุมัติซื้อกิจการเซรามิกในอินโดฯ มูลค่าลงทุน 6.5 พันล้านบาท
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แถลงผลประกอบการของเครือปูนซิเมนต์ไทยไตรมาส 2/2554 มีกำไรสุทธิ 7,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจซิเมนต์และจากเงินปันผลรับจากบริษัทอื่นเพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย (EBITDA) เท่ากับ 14,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 93,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาของผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นและจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (ไตรมาส 1/2554) SCC มีกำไรสำหรับงวดลดลง 19% ตามช่วงขาลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีผลขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ ตลอดจนเป็นช่วงที่ปริมาณขายลดลงตามฤดูกาลของธุรกิจส่วนใหญ่ใน SCC ในขณะที่มี EBITDA เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมของธุรกิจเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2554 พบว่า SCC มีกำไร 16,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์ และจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของธุรกิจเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยมี EBITDA เท่ากับ 27,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 186,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นและจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์
ครึ่งปีแรก SCC มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเท่ากับ 4,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทร่วมของธุรกิจเคมีภัณฑ์มีกำไรสูงขึ้น ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2554 SCC มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเท่ากับ 1,672 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 45% จากไตรมาสก่อน
สาเหตุมาจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมีภัณฑ์มีส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และวัตถุดิบลดลง และมีบริษัทร่วมของธุรกิจเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่งเริ่มเดินเครื่องจักร ซึ่งยังไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตปกติ
SCC มีรายได้เงินปันผลรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 เท่ากับ 5,188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย SCC มีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (ถือหุ้น 20-50%) เท่ากับ 3,801 ล้านบาท และบริษัทอื่น (ถือหุ้นต่ำกว่า 20%) เท่ากับ 1,387 ล้านบาท
SCC มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2554 เท่ากับ 58,229 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 15,051 ล้านบาท จากเงินปันผลจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 19,700 ล้านบาท เอสซีจีมีเงินทุนหมุนเวียนเท่ากับ 57,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3,971 ล้านบาท จากสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันนี้ นายกานต์ ระบุว่า ที่ประชุมได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2554 ในอัตรา 5.50 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 6,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของกำไรสำหรับงวด โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 10 สิงหาคม 2554 และปิดสมุดทะเบียนรวบรวมรายชื่อเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติการเข้าซื้อกิจการธุรกิจเซรามิกและวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย มูลค่า 6.5 พันล้านบาท ชื่อบริษัท PT Keramika Indonesia Assosiasi Tbk (KIA) ซึ่งการลงทุนดังกล่าวถือเป็นการตอบสนองการขยายการลงทุนในภูมิภาคตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนในอาเซียน โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะส่งผลทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเซรามิครวมเป็น 149 ล้านตารางเมตร จากเดิม 122 ล้านตารางเมตร
ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในโลก และเป็นการเพิ่มช่องทางการทำการตลาด เพิ่มศักยภาพตลาดในอินโดนีเซีย และสร้างเครือข่ายการลงทุนรับมือการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน