xs
xsm
sm
md
lg

ปูนใหญ่กำไรวูบหมื่นล้าน เผย น้ำท่วมฉุดมาร์จินปิโตรเคมีหดตัวแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปูนใหญ่กำไรปี 54 วูบ 1 หมื่นล้านบาท เหลือ 2.7 หมื่นล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และมาร์จินปิโตรเคมีในไตรมาส 4 ลดลงแรง ขณะต้นทุนพลังงานสูงขึ้น บอร์ดฯอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 12.5 บาทเท่าปีก่อน เผย งบลงทุนปีนี้ 3.5-4 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการโรงปูนซีเมนต์ในเวียดนามและตั้งโรงปูนแห่งใหม่ที่อินโดนีเซีย

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ปี 54 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 368,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 301,323 ล้านบาท หรือโตขึ้น 22% และมีกำไรสุทธิ 27,281 ล้านบาท ลดลงจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 37,381 ล้านบาท หรือลดลง 27% คิดเป็นเม็ดเงิน 1,0100 ล้านบาท

“อย่างไรก็ตาม หาก ปี 53 บริษัทไม่มีกำไรจากการขายเงินทุนบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH 9,963 ล้านบาท ก็จะทำให้มีกำไรสุทธิมากกว่าปี 54 เพียง 100 กว่าล้านบาท เท่านั้น”

สำหรับ ไตรมาส 4 ปี 54 บริษัทมีรายได้จากการขาย 87,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เนื่องจากต้นทุนในตลาดโลกผันผวนทำให้ราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้นและมีกำไรสุทธิ 3,201 ล้านบาท ลดลง 81% เพราะน้ำท่วมทำให้ความต้องการใช้สินค้าลดลง และค่าขนส่งเพิ่มขึ้น และไม่มีรายการพิเศษจากการขายหุ้น PTTCH เหมือนปีก่อนรวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ลดลงมาก และมีการบันทึกบัญชีขาดทุนจากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% เป็นเงิน 830 ล้านบาท

“เอสซีจีมีรายได้จากการขายในไตรมาส4 ปี 54 ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 54 และกำไรสุทธิลดลง 57% เนื่องจากมาร์จินปิโตรเคมีลดลง และผลกระทบจากน้ำท่วมและราคาพลังงานที่สูงขึ้น”

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 12.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 5.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปี 54 อัตราหุ้นละ 7.50 บาท วันที่ 26 เมษายนนี้ พร้อมกับให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ครั้งที่ 1 ปี 55 จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยตามราคาตลาด โดยเงินที่ได้จะใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระวันที่ 1 เมษายนนี้ 2 หมื่นล้านบาท และอีก 5 พันล้านบาทใช้ลงทุน ส่วนปลายปีนี้จะออกหุ้นกู้อีกครั้งเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 1 พ.ย.55 อีก 2 หมื่นล้านบาท

ทุ่ม 4 หมื่นล้านบาทลงทุนปีนี้

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 3.5-4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้งบลงทุนไว้ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยใช้ลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) การลงทุนตั้งโรงปูนซีเมนต์ใหม่ในอินโดนีเซีย การขยายกำลังการผลิตคอขวดโรงงานปิโตรเคมีของ พีที จันทรา แอสซรี ที่อินโดนีเซีย รวมทั้งซื้อกิจการเพิ่มเติม(M&A)ในธุรกิจวัสดุก่อสร้างต่างประเทศ

โดยครึ่งปีหลังนี้ บริษัทคาดว่า จะได้ข้อสรุปการซื้อกิจการโรงปูนซีเมนต์ในเวียดนามขนาด 5พันตันต่อวัน หรือ 1.8 ล้านตันต่อปี เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์ใหม่จะเริ่มผลิตได้ทำให้มีปริมาณการผลิตปูนล้นตลาด ขณะที่เศรษฐกิจเวียดนามมีปัญหาทั้งเงินเฟ้อสูง ธุรกิจอสังหาริมตกลง จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯจะเข้าไปซื้อกิจการ ภายหลังจากปลายปี 54 บริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้นโรงงานบดปูนซีเมนต์เทาและปูนซีเมนต์ขาวทางตอนใต้ของเวียดนามใช้เงิน 180 ล้านบาท และจัดตั้งโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มอีก 2 แห่งในโฮจิมินห์ซิตี้ ใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทจะร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย ขนาดกำลังผลิต 1.7-1.8 ล้านตันต่อตัน ใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท ส่วนการตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ที่พม่านั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในปีนี้มีสัญญาณดีขึ้นจากปีก่อนโดยคาดว่าปูนซีเมนต์จะเติบโต 5% จากปี 54 ที่บริษัทมียอดขายรวม 17.3 ล้านตัน และคาดว่า จะส่งออกปูนเพิ่มขึ้นจาก 6.3 ล้านตัน เป็น 7 ล้านตัน ปีนี้ ขณะการใช้ปูนในประเทศช่วงครึ่งปีแรกจะไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วแต่จะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนวัสดุก่อสร้างคาดว่าจะขยายตัว 10% ในปีนี้

สำหรับธุรกิจเคมีภัณฑ์นั้น คาดว่า ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก HDPE กับวัตถุดิบ(สเปรด) จะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากกำลังการผลิตปิโตรเคมีในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 3 ล้านตันเทียบจากปีก่อนที่เพิ่มขึ้นถึง 6-10 ล้านตัน และกำลังการผลิตของบริษัทเดินเครื่องเต็มกำลัง ทำให้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเต็มปีส่งผลให้ปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 11-12% เนื่องจากรับรู้รายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ดีกว่าปี 54 ที่ทำรายได้ยอดขายอยู่ที่ 1.92 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่า บริษัทจะไม่ปรับขึ้นราคาขายปูนซีเมนต์ แม้ว่าต้นทุนพลังงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว 20-30%

โดยวานนี้ผู้ถือหุ้นอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC เพิ่มเติมจากบริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด และจากผู้ถือหุ้นอื่นๆ คิดเป็น 30.47% ซึ่งมีมูลค่ารวมเกือบ 8 พันล้านบาท ส่งผลให้เอสซีจี มีหุ้น TPC ประมาณ 76.11% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 45.64% และจะทำเรื่องคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหุ้นรายย่อยในเดือน ก.พ.นี้ โดยบริษัทฯจะใช้เงินเพิ่มอีก 7 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันถือว่า TPC มีกำลังการผลิตใหญ่สุดในอาเซียน คาดว่า ปีนี้รายได้ของ TPC อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น