xs
xsm
sm
md
lg

ทุ่ม 400 ล.ปั้นแบรนด์จับกลุ่มพรีเมียมสีเบเยอร์ส่ง “คูลซีรีส์” กินรวบทุกตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สีเบเยอร์” สานต่อพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด เปิดตัวกลุ่มสีประหยัดพลังงานนวัตกรรมใหม่ “Beger Cool 2012 Series” สีฉนวนกันร้อนเทคโนโลยี “ไมโครสเฟียร์เซรามิก” ชูจุดเด่น เป็นทั้งฟิล์มสะท้อน และฉนวนกันร้อนในหนึ่งเดียวแบบ Double Effects ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านให้ต่ำลงประมาณ 3-5 องศา ช่วยลดค่าไฟฟ้ากว่า 25% พร้อมทุ่ม 400 ล้านบาท สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ หวังขยายฐานลูกค้า พร้อมเพิ่มศูนย์ผสมสีเบเยอร์คัลเลอร์ดีไซน์ ดันตัวแทนจำหน่ายมีผลิตภัณฑ์เบเยอร์ ทั้งงานสี งานไม้ ให้ครบวงจร แบบ One-Stop-Service ตั้งเป้าทั้งปียอดขาย 4,000 ล้านบาท แจงครึ่งปีแรกยอดขายโตตามเป้า 20% กวาดยอดขาย 2,000 ล้านบาท

นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ตลาดสีทาอาคารปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ แต่ในปี 255 นี้ ตลาดรวมปรับตัวดีขึ้น และสามารถขยายตัวจากปีที่แล้วกว่า 16% หลังได้รับปัจจัยบวกจากการใช้สีทาอาคารเพิ่มขึ้นของกลุ่มที่อยู่อาศัยก่อสร้างใหม่ และกลุ่มผู้ซ่อมแซมฟื้นฟูที่อยู่อาศัยหลังน้ำท่วม และคาดว่า หากไม่เกิดปัญหาการเมือง หรือน้ำท่วมซ้ำในปลายปีนี้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของตลาดให้สามารถขยายตัวสูงถึง 20% ได้ และหากภาวะตลาดยังปกติ เชื่อว่าการขยายตัวจะต่อเนื่องไปถึงปี 56

เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้ปรับปรุงบ้านหลังน้ำท่วมที่ชะลอการซ่อมแซม และก่อสร้างบ้านใหม่ชะลอการตัดสินใจดูว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำในปี 55 หรือไม่ ซึ่งหากไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น กลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็จะกลับมาซ่อมแซม และก่อสร้างบ้านอีกครั้ง และทำให้เกิดการขยายตัวเพิมสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีให้เกิดความต้องการใช้สีทาอาคารในปีหน้าให้ขยายตัวต่อเนื่องได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทุนการผลิต และจำหน่ายสีของตลาดรวมในขณะนี้ ยังมีการปรับตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตถูกดูซับจากตลาดในประเทศจีนไปค่อนข้างมาก ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ต้นทุนสีโดยรวมมีการปรับตัวไปแล้วกว่า 10-15% ทำให้ผู้ประกอบการมีการปรับขึ้นราคาขายไปในช่วงปลายปี 54 และยังมีการทยอยปรับราคาขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของเบเยอร์ปีนี้ มีการปรับขึ้นราคาขายในช่วงต้นปีไปประมาณ 5% หลังจากยืนราคาเดิมมาตั้งแต่ต้นปี 2554 จนถึงไตรมาสแรกของปีนี้

นายวรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันของตลาดสีในปัจจุบันถือว่ารุงแรงมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเน้นการแข่งขันในเรื่องของการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าแบรนด์ เพื่อเพิ่มูลค่าของสินค้า นอกจากนี้ การแข่งขันในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในตัวสินค้าก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย ดังนั้น เบเยอร์ในฐานะที่เป็นผู้นำการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้เพิ่มมูลค่าในตัวสินค้า จึงมีแผนสร้างความต่อเนื่องในเรื่องของนวัตกรรมสีใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด

“หลังจากบริษัทฯ เปิดตัวสินค้าเบเยอร์คูลเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้เกิดการแข่งขัน และมีคู่แข่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสีกันร้อนออกมามากมาย ทั้งเทคโนโลยีการกันร้อนด้วยฟิล์มสี, เม็ดสีกันร้อน และมีแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกลยุทธ์การพิสูจน์ทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เหนือกว่าสร้างคุณสมบัติ ในส่วนของสีเบเยอร์จึงได้สานต่อการสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างเพื่อประโยชน์ในการใช้งาน พร้อทมทั้งได้พัฒนา และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง”

ล่าสุด ได้เตรียมงบกว่า 400 ล้านบาท เพื่อการสื่อสาร และแนะนำผลิตภัณฑ์สู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เปิดตัว Beger Cool 2012 Series นวัตกรรมสีประหยัดพลังงานลดโลกร้อน พร้อมการปกป้องบ้านแบบดับเบิลเอฟเฟกต์ จุดเด่น คือ ใช้เทคโนโลยีไมโครสเฟียร์เซรามิกที่ใช้ในองค์การ NASA มาใช้กับสีทาบ้าน เพื่อคุณสมบัติการกันความร้อนแบบดับเบิลแอฟเฟกต์ เป็นทั้งฟิล์มสะท้อน และฉนวนกันร้อนในหนึ่งเดียว ช่วยปกป้องบ้านจากรังสียูวี และสะท้อนความร้อน 95% ให้บ้านเย็นสบายกว่า โดยลดอุณหภูมิในบ้านให้ต่ำลงประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส ช่วยให้เครื่องปรับอากาศให้กระแสไฟน้อยกว่าในการทำความเย็นสู่อุณหภูมิที่ต้องการ ทำให้ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าไฟฟ้าได้สูงถึง 25%

ทั้งนี้ เบยอร์ได้วางกลยุทธ์การตลาด โดยดำเนินตามนโยบาย Practical Innovation for Better Living คือ สร้างนวัตกรรมเพื่อความแตกต่างเพื่อประโยชน์ในการใช้งานได้จริง พร้อมทั้งขยายตัวแทนจำหน่ายทั้งในแนวกว้าง และแนวลึก โดยในแนวกว้าง เบเยอร์มีแผนที่จะขยายศูนย์ผสมสีเบเยอร์คัลเลอร์ดีไซน์จากเดิม 800 เป็น 1,200 ศูนย์ภายในปีนี้ ส่วนแนวลึก มีแผนที่จะผลักดันให้ร้านตัวแทนจำหน่ายมีผลิตภัณฑ์เบเยอร์ ทั้งงานสี และงานไม้จำหน่ายอย่างครบวงจร แบบ One-Stop-Service เพื่อสร้างความสะดวกแก่ลูกค้า

สำหรับแผนในครึ่งปีหลัง จะเน้นกิจกรรม CSR เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม ร่วมรณรงค์และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนหันมาใส่ใจรับผิดชอบต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่างๆ เช่น หนึ่งผนังรวมพลังลดโลกร้อนกับสีเบเยอร์คูล ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการลดโลกร้อนไปแล้วกว่า 50 ล้านตารางเมตร และโครงการ “สีเบเยอร์..หนึ่งผนังรวมพลังสร้างรอยยิ้ม” จัดกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อคืนความสุข และสร้างรอยยิ้มให้แก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ 54 ประมาณ 20% โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมที่ 3,400 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 2,000 ล้านบาท หรือมียอดขายเติบโตอยู่ที่ 20% ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนการขยายตลาดเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือ AEC นั้น เบเยอร์จะเน้นการทำตลาดร่วมกับพันธมิตรทางการค้า คือ กลุ่มบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือปูนใหญ่ ซึ่งขณะนี้ เตรียมรุกขยายธุรกิจมุ่งไปที่ตลาดในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และโอกาสในการขยายตัวสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น