xs
xsm
sm
md
lg

“จิตติ” ชี้ราคาทองเริ่มมีเสถียรภาพดีขึ้น แต่โรงจำนำยังขาดทุนบักโกรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คาดราคาทองสัปดาห์นี้เริ่มมีเสถียรภาพดีขึ้น “จิตติ” ชี้ปัญหาการทุบราคาทองคำได้จางหายไปแล้ว เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ทราบแล้วว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง พร้อมเตือนลูกค้าแห่ซื้อทองแต่ได้รับใบจองต้องรอบคอบ-ระวังถูกหลอก พร้อมย้ำราคาทองจะไม่ลดลงต่ำสุดถึง 1,200 เหรียญสหรัฐอย่างแน่นอน ด้านโรงตึ๊งขาดทุนบักโกรก ประกาศลดวงเงินจำนำเหลือ 65% ลูกค้าทิ้งตั๋ว-เบี้ยวส่งดอก

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า แนวโน้มทองคำในสัปดาห์นี้จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากกระแสข่าวด้านลบที่มีผู้ปล่อยออกมาว่าราคาทองจะตกลงไปอยู่ที่บาทละ 1,200 เหรียญสหรัฐ เพื่อหวังเก็งกำไรจากการที่นักลงทุนตื่นตระหนกเทขายทองคำออกมาเป็นจำนวนมาก

นายกสมาคมค้าทองคำมั่นใจว่า ปัญหาการทุบราคาทองคำได้จางหายไปแล้ว ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ทราบแล้วว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงเชื่อว่าแนวโน้มจากนี้ไปราคาทองจะมีปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเหตุการณ์ราคาผันผวนในตลาดได้อีก ซึ่งที่สุดแล้วราคาทองจะไม่ลดลงต่ำสุดถึง 1,200 เหรียญสหรัฐอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนเองในฐานะนายกสมาคมค้าทองคำ อยากฝากลูกค้าที่ต้องการจะซื้อทองในช่วงนี้ที่เป็นในลักษณะใบจองว่า ขอให้เลือกร้านทองที่รู้จัก และไว้ใจได้จริง เพราะสมัยนี้มีผู้ค้าหลากหลาย อีกทั้งการซื้อในลักษณะไม่ได้จับสินค้าจริงๆ กลับไปด้วยต้องระมัดระวัง

นายนิธิศ มนูญพร ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยอมรับว่าตอนนี้โรงจำนำยังติดตามสถานการณ์ราคาทองคำอย่างใกล้ชิด โดยสำนักงานธนานุเคราะห์มีนโยบายถึง 24 สาขาทั่วประเทศ ให้ปรับเงื่อนไขรับจำนำเหลือเพียง 70% จากไตรมาสแรกปีนี้ที่เคยรับจำนำที่ 85% โดยเฉลี่ยต้นทุนต่อทองคำ 1 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาท เทียบกับโรงรับจำนำเอกชนจะให้ราคาสูงกว่า คือที่บาทละ 2.1-2.2 หมื่นบาท ซึ่งถึง ณ ปัจจุบัน ธนานุเคราะห์ขาดทุนทางบัญชีแล้วประมาณ 10% และหากราคาทองคำยังผันผวนมากก็อาจจะคงอัตรารับจำนำไว้ที่ 70%

ส่วนกรณีการทิ้งตั๋ว ถ้าแนวโน้มราคาทองทรงตัว หรือราคาลดลงอีก ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะทิ้ง หรือไม่มาไถ่ถอนทอง แต่ในช่วงสัปดาห์แรกหลังเปิดสงกรานต์ ยังมีลูกค้าที่ใช้บริการมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2555 ทยอยจ่ายดอกเบี้ยเพื่อรักษาสถานะ ซึ่งคาดว่าต้นเดือนพฤษภาคมนี้ น่าจะเห็นภาพชัดขึ้น และคาดว่าในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ การบังคับใช้อัตราดอกเบี้ยรับจำนำใหม่จะมีผลบังคับ ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดพิจารณาภายในที่ 24 เมษายนนี้ ทั้งนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและรองรับการเปิดเทอม

นายชัชวาล ศรีนนท์ ผู้อำนวยการสถานธนานุบาล กล่าวว่า โรงรับจำนำทั้ง 21 แห่งของ กทม.มีประชาชนที่ถือตั๋วจำนำอยู่กว่า 1 แสนราย มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท เฉลี่ยการใช้บริการ 900 ล้านบาทต่อเดือน โดยสินทรัพย์ที่คนใช้เป็นหลักประกันมาจำนำเกือบ 80% เป็นทองคำ อีก 10% เป็นเพชรและพระ และที่เหลือพวกเบ็ดเตล็ด ซึ่งตามระเบียบปฎิบัติ กำหนดให้ผู้จัดการแต่ละแห่งรับจำนำที่ 87.5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่มาจำนำ แต่จากกรณีที่ราคาทองคำอยู่ในช่วงขาลงขณะนี้ จึงขึ้นอยู่ดุลพินิจของผู้จัดการแต่ละแห่ง เช่น อาจให้วงเงินเหลือ 70% หรือ 65% โดยราคาทองคำที่ปรับลดนั้น น่าจะทำให้ขาดทุนกำไรบ้าง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการ กทม. ที่ไม่เน้นทำกำไรแต่ต้องการแบ่งเบาภาระประชาชน ในการเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นโยบายจากผู้ว่าราชการ กทม. วงเงินจำนำ 5 พันแรก คิดดอกเบี้ยอัตรา 0.25% และระหว่างปิดภาคการศึกษาเดือนเมษายนและพฤษภาคมนี้ จัดให้มีโปรโมชันสำหรับผู้ปกครอง นักศึกษาหรือประชาชนสามารถจำนำในวงเงินเต็ม 7 หมื่นบาทต่อคน คิดดอกเบี้ย 0.50 % ต่อเดือน

นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด เจ้าของธุรกิจโรงรับจำนำ ยอมรับว่าความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้ และราคาทองคำที่มีแนวโน้มลดลง ทำให้เริ่มมีคนที่จะเคยนำสร้อยคอทองคำจำนำปล่อยให้หลุดไป และไปซื้อทองคำใหม่ที่ราคาถูกกว่าแทน ซึ่งอาจจะกระทบต่อผลประกอบการของโรงรับจำนำ

ดังนั้นจึงต้องติดตามว่า อัตราหลุดจำนำของทองคำจะสูงเหมือนกับช่วงปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่สัดส่วนร้อยละ 9 หรือไม่ จากปกติจะมีทองคำหลุดจำนำประมาณร้อยละ 4-5 ของทองคำที่นำมาจำนำ เพราะว่ารายได้ของโรงรับจำนำมาจากดอกเบี้ย และการขายทรัพย์สินของหลุดจำนำ แต่ถ้าหากมีทรัพย์สินหลุดจำนำมากย่อมกระทบต่อผลการดำเนินงานของโรงรับจำนำทั้งภาครัฐและเอกชน
กำลังโหลดความคิดเห็น