xs
xsm
sm
md
lg

จับโจรตกทองยกแก๊ง ทำมากว่า 5 ปี ได้ทรัพย์สินกว่า 5 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ผู้เสียหายรุมชี้ตัวผู้ต้องหาแก๊งตกทอง
ตำรวจ สน.ร่มเกล้ารวบโจรตกทองยกแก๊ง รวมหัวเครือญาติออกอุบายหลอกทรัพย์สินเหยื่อเป็นทีม ของกลางเพียบ ผู้เสียหายมาชี้ตัวหลายราย เผยทำเป็นล่ำเป็นสันมา 5 ปี ได้ทรัพย์สินกว่า 5 ล้านบาท!

วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.ร่มเกล้า พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ท.นคร ทองพานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ต.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ สว.สส.สน.ร่มเกล้า และฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า แถลงการจับกุมแก๊งตกทองได้ผู้ต้องหา 6 ราย ประกอบด้วย นายนิวัตร มะตัน อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/3 หมู่ 6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หัวหน้าแก๊ง, นายสรายุทธ มะตัน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ซอยแบนชะโด 1 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคองสามวา กทม., นายศุภโชค พลาหาญอายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ซอยแบนชะโด 1 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กทม., นายพานุ ภาคทรัพย์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/3 หมู่ 6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช, น.ส.วิลาวรรณ์ กิ่งกล่อม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/3 หมู่6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.นิภาพร บุญกุศล อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ซอยประชาร่วมใจ 11 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กทม. พร้อมของกลางพระเลี่ยมทองปลอม 12 องค์ พระเครื่อง 1 องค์ รถยนต์โตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษจ 9022 กรุงเทพมหานคร สร้อยคอทองคำ 1 เส้น แหวนทองน้ำหนัก 50 สตางค์ 1 วง กรอบพระทองคำ และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยมีผู้เสียหายมาชี้ตัวผู้ต้องหาจำนวนหลายราย

พ.ต.อ.พันธนะกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือน ม.ค.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งชื่อ น.ส.เก๋ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ว่าถูกกลุ่มคนร้ายเข้ามาตีสนิทแล้วหลอกเอาทองไป โดย น.ส.นิภาพรแกล้งทำเป็นเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อจะนำพระสมเด็จเลี่ยมทองมูลค่ากว่า 700,000 บาทมาขายให้ญาติ เพื่อเอาเงินไปช่วยพ่อแม่ที่เจ็บป่วยอยู่ จากนั้น น.ส.วิลาวรรณ์ทำทีเข้ามาช่วยเหลืออีกคน และระบุว่ารู้จักร้านขายทองย่านร่มเกล้า แต่ น.ส.นิภาพรทำเป็นไม่ไว้ใจกลัวถูก น.ส.วิลาวรรณ์หลอก เลยให้ น.ส.วิลาวรรณ์เอาเงินจำนวน 200,000 บาทมามัดจำไว้ก่อน น.ส.วิลาวรรณ์จึงเอาทองปลอมที่อยู่ในตัว เงินและโทรศัพท์มือถือมาวางประกันไว้ แต่มูลค่ายังไม่ถึง 200,000 บาท เลยออกอุบายให้ น.ส.เก๋เดินทางไปด้วยอีกคน แล้วเอาทอง เงินสด และโทรศัพท์มือถือในตัวมาร่วมกันประกันไว้ด้วย พร้อมหว่านล้อมต่างๆ นานาจนผู้เสียหายหลงเชื่อด้วยความสงสาร เลยตกหลุมพรางขึ้นรถแท็กซี่ที่มีนายพานุเป็นคนขับรถแกล้งขับผ่านมาพอดี

ต่อมาพอขึ้นรถแท็กซี่นายพานุก็แกล้งทำทีว่าดูพระเป็น ยืนยันว่าพระมีราคาสูงจริง จนทำให้ผู้เสียหายยิ่งเชื่อใจ กระทั่งเมื่อขับมาใกล้ถึงตลาดร่มเกล้า กลุ่มคนร้ายก็ให้นายพานุจอดรถแล้วพากันลงรถไปนั่งกินข้าว ขณะนั่งกินข้าวคนร้ายก็ออกอุบายให้ น.ส.เก๋คุยโทรศัพท์กับเจ้าของร้านทอง เพื่อยืนยันราคาพระที่จะเอาไปขาย เสร็จแล้วก็ให้ น.ส.เก๋นั่งรถเอาพระไปขายที่ร้านทองซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่นั่งกินข้าวออกไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อ น.ส.เก๋ไปถึงก็ไม่เห็นมีร้านขายทองอยู่ตามที่คนร้ายบอกเลยรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงมาแจ้งความ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เร่งแกะรอยคนร้ายจนรู้ว่าแก๊งดังกล่าวชื่อแก๊งไอ้เป๋ ซึ่งมีนายนิวัตรที่เป็นอัมพฤกษ์เดินขากะเผลกเป็นหัวหน้าแก๊ง เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามจนพบแก๊งนายนิวัตรกำลังจะก่อเหตุอีกครั้งบริเวณตลาดท็อป แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กทม. จึงจับกุมตัวได้ยกแก๊ง

จากการสอบสวนนายนิวัตรให้การรับสารภาพว่าจะเป็นคนคิดวางแผนงานทั้งหมด โดยคอยสอนวิธีหลอกเหยื่อให้ญาติๆ และแบ่งหน้าที่กันทำ โดย น.ส.วิลาวรรณ์กับ น.ส.นิภาพร เป็นคนเข้าไปหาเหยื่อและหว่านล้อม และให้นายพานุเป็นคนขับแท็กซี่ ส่วนที่เหลือคอยสังเกตการณ์ หากเห็นท่าไม่ดีก็จะเข้าไปล้อมเหยื่อไว้ไม่ให้ใครเข้ามาขัดขวาง ทำมาแล้วไม่ต่ำว่า 40 ครั้ง ทำมาประมาณ 5 ปี มูลค่าทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก่อเหตุในท้องที่ บก.น.3 ส่วนพระเลี่ยมทองปลอมนั้นไปซื้อมาจากท่าพระจันทร์องค์ละ 100 บาท แล้วมาหลอกเหยื่อว่ามีมูลค่า 700,000-1,000,000 บาท ซึ่งก็มีเหยื่อหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ได้มาแล้วก็เอาไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เมื่อปี 2547 นายนิวัตรเคยถูกจับกุมในคดีฉ้อโกงมาในท้องที่ สน.บางเขนแล้ว กระทั่งมาถูกจับอีกครั้ง

ด้าน น.ส.ตะติยา ศรีดาฟอง หรือหนู อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัว กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ. เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะยืนกดเงินอยู่ที่ตู้เอทีเอ็มตรงข้ามตลาดมีนบุรี น.ส.วิลาวรรณ์มาถามทางไปบางแคให้กับ น.ส.นิภาพร ที่เดินทางมาจากจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อต้องการนำพระสมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทองมูลค่า 200,000 บาท เอาเงินไปรักษาพ่อที่ป่วยอยู่ จึงเข้าไปบอกทางให้ จากนั้น น.ส.วิลาวรรณ์บอกว่ารู้จักร้านขายทองย่านร่มเกล้า พร้อมกับโทรศัพท์พูดคุยถามราคากับร้านทอง แล้วร้านทองบอกว่าตีราคาให้ 700,000 บาท ทั้งคู่ก็ออกอุบายให้เรียกรถแท็กซี่ไปที่ร้านทอง พอเรียกแท็กซี่ก็มีนายพานุเป็นคนขับ ระหว่างทาง น.ส.นิภาพรก็ทำทีเอาพระออกมาดู นายพานุก็ขอดูแล้วบอกว่าเป็นพระดีมีราคาสูงถึง 700,000 บาท ตอนแรกตนก็ไม่สนใจอะไรแต่อยากช่วยเพราะสงสาร

น.ส.ตะติยากล่าวต่อว่า พอใกล้ถึงตลาดร่มเกล้า คนร้ายบอกให้นายพานุจอดรถ พอลงจากรถ น.ส.วิลาวรรณ์ก็ทำทีให้ตนเอาพระไปขายคนเดียว โดยจะนั่งกินข้าวรออยู่กับ น.ส.นิภาพร แต่ น.ส.นิภาพรบอกว่าไม่ไว้ใจ เลยขอทรัพย์สินของตนและ น.ส.วิลาวรรณ์มัดจำไว้ก่อนโดยขอมัดจำไว้จำนวน 200,00บาท น.ส.วิลาวรรณ์ก็รีบถอดสร้อย เงินสด และโทรศัพท์มือถือให้กับ น.ส.นิภาพรทันที แต่ น.ส.นิภาพรบอกว่าไม่พอ จึงขอให้ตนเอาทรัพย์สินวางไว้ด้วย ตนไม่ทันระวังหลงเชื่อคล้อยตามเลยถอดสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ 1 เส้น โทรศัพท์แบล็กเบอร์รี 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือยี่ห้อคาสิโอ 1 เรือน ราคา 6,700 บาท และเงินสดอีก 3,500 บาท ให้ไว้ จากนั้นก็นั่งรถสองแถวไปหาร้านทองตามที่ น.ส.วิลาวรรณ์บอก เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร พอไปถึงปรากฏว่าไม่มีร้านทอง จึงรีบโทรศัพท์เข้าที่มือถือของตนเอง ปรากฏว่าโทรศัพท์ถูกปิดเครื่องไปแล้ว เลยรู้ว่าถูกหลอกจึงรีบมาแจ้งความไว้ ไม่คิดว่าความสงสารคนอื่นกลับมาทำร้ายตัวเอง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ หรือรับของโจร และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และหากใครที่คิดว่าถูกแก๊งนี้หลอกสามารถมาดูตัวได้ที่ สน.ร่มเกล้า


พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.สน.ร่มเกล้า แถลงข่าวจับกุมแก๊งตกทอง
กำลังโหลดความคิดเห็น