xs
xsm
sm
md
lg

ตอบโจทย์ บิดเบือน ขัดแย้ง หนทางปรองดองที่แท้จริง

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

จากสภาพของสังคมไทยในปัจจุบัน มันคือผลของการปกครองด้วยลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย อยากได้ระบอบประชาธิปไตย ต้องเรียกร้อง ต้องแก้ไข ต้องร่างใหม่ จึงจะได้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงที่ครอบงำชาติและประชาชนไทยเรามายาวนาน 81 ปี

การบิดเบือน คือการเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบ แล้วต่างๆ ก็โฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ท่านปัญญาชนทั้งหลาย ต่างก็รู้ว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลัก (Principle of Law) ไม่ใช่กฎหมายสูงสุด (Supreme Law) คือกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เช่น เกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหลักการปกครองโดยธรรมของชาติ

อัตลักษณ์ของกฎหมาย หรือตัวกฎหมาย หรือหน้าที่ของกฎหมาย คือเป็นเครื่องมือหรือเป็นวิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมายร่วมของปวงชนในชาติ กฎหมายตัวมันเองจึงไม่สามารถทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ได้

กฎหมายไม่สามารถเป็นจุดหมายของการปกครองได้

กฎหมายไม่สามารถเป็นหลักการปกครองได้ หลักการปกครองเป็นอย่างไร ระบอบก็เป็นเช่นนั้น

กฎหมายไม่สามารถเป็นระบอบได้

กฎหมายจึงเป็นวิธีการอันหลากหลายที่จะไปสู่จุดหมาย

จึงอุปมาได้ว่า วัดพระแก้ว เกิดก่อน มีก่อน วิธีการไปวัดพระแก้วอันหลากหลาย เช่น เดิน วิ่ง ขี่ม้า ขี่เกวียน รถยนต์ ฯลฯ ฉันใด

จุดหมาย หรือหลักการปกครองหรือ ระบอบต้องมาก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

ดังนั้น หนทางย่อมรักษาจุดหมาย ฉันใด

หน้าที่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกอย่างหนึ่งคือ บังคับ หรือคุ้มครอง หรือปกป้องจุดหมายร่วมหรือปกป้องหลักการปกครอง หรือปกป้องระบอบฉันนั้น

ท่านทั้งหลาย จึงเห็นการบิดเบือน ความเข้าใจผิดว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย มายาวนานเข้าสู่ปีที่ 81 หรือจะเขียนเสียใหม่ว่า หนทางนี่แหละคือวัดพระแก้ว หรือจะเขียนว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญนี่แหละคือจุดหมาย

นี่คือมหาอมตะนิรันดร์กาลของความเห็นผิดและบิดเบือนทางการเมือง ก็เพียงคิดง่ายๆ ถาม เด็ก ป. 6 เขาก็ตอบได้ถูกว่า “จุดหมาย ย่อมเกิดขึ้นในใจก่อน จากนั้นเราจึงเลือกวิธีการไป ฉันใด หลักการปกครอง (จุดหมายร่วมของปวงชนหรือระบอบ) ย่อมเกิดก่อน มีก่อน สำเร็จก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น

มาถึงตรงนี้ เราเห็นแนวคิดของสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ถูกต้องส่วนแนวคิดของคณะราษฎร ผิดซ้ำซากมาแล้วด้วย กฎหมายรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ยาวนาน 81 ปี และ พรรคเพื่อไทย (จัญไรของชาติ) กำลังคิดจะร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ หลอกประชาชนอย่างอุบาทว์ชาติชั่ว เป็นฉบับที่ 19

พวกลัทธิเผด็จการ ฝ่ายหนึ่งรักษากฎหมายรัฐธรรมนูญ อีกฝ่ายหนึ่งคิดจะร่างใหม่ ว่าไปแล้วมันก็จัญไรพอๆ กัน เพราะเห็นผิดทั้งสองฝ่าย และทำลายชาติมาแล้วอย่างแสนสาหัส

ขัดแย้ง คือผลของการปกครองเผด็จการทุกชนิด มันจะไม่มีหลักการปกครอง แสดงให้เห็น มันมีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ เอาไว้หลอกชาวบ้าน ความขัดแย้งภายใต้ระบอบเผด็จการ ขยายความได้ ดังนี้

1. ความขัดแย้งทางการเมือง คู่ขัดแย้งคือ ผู้ปกครองด้วยกันเอง ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ไพร่กับอำมาตย์ อันเป็นวาทกรรมลวงโลก

1.1 ความขัดแย้งรอง เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐบาล

2. ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ คู่ขัดแย้ง คือ นายทุนข้ามชาติ นายทุนผูกขาด นายทุนกับกรรมกร เพราะรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ มันเป็นรัฐบาลของนายทุนทั้งสาม ดังกล่าว เช่น นโยบาย ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายทุนต่างชาติ นายทุนผูกขาด ได้ประโยชน์เต็มส่วนนายทุนชาติล่มจม

นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ กรรมกร ลูกจ้าง ได้ประโยชน์ไม่เกิน 4 ล้านคนทั่วประเทศ แต่ราคาสินค้าสูงขึ้น ใครเสียประโยชน์ คน 90% ของประเทศต้องจนลง เพราะเงินเฟ้อ สินค้าราคาแพงขึ้น แม้แต่คนที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำไปแล้ว 300 บาท แต่พวกเขาก็ยังจนลง เพราะราคาสินค้ามันสูงขึ้น แล้วคนไม่มีเงินเดือนละ ต้องจนลงอย่างแรงทั่วประเทศใช่ไหม

นโยบายรถยนต์คันแรก ใครได้ประโยชน์ เห็นชัด นายทุนข้ามชาติ นายทุนพรรคการเมือง

แต่พวกนักการเมืองสัตว์นรก มันหลอกว่า คู่ขัดแย้งคือ ไพร่ กับ อำมาตย์ นี่คือ การบิดเบือนคู่ขัดแย้งเบี่ยงเบน ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยอำนาจสื่อที่รับใช้ ยอมตัวเป็นทาสเพื่อเงินสกปรกที่โกงภาษีประชาชนมา เพื่ออะไรก็เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตนเองนั้นอยู่ข้างประชาชน แต่หารู้ไหมว่า ขบวนการทักษิณ เป็นขบวนการที่หลอกประชาชนอย่างได้ผล หลอกให้กรรมกร ชาวนา ตกอยู่ในความฝัน ลืมกำพืดที่แท้จริงของตนเอง แท้จริงขบวนการทักษิณและพรรคเพื่อไทย คือพวกที่หลอกทั้งกรรมกร และชาวนา ให้ไปรับใช้เขาเยี่ยงทาสการเมือง วันหนึ่งมีคนมาเล่า พูดกันในหมู่ญาติพี่น้องลูกเมีย “เห็นไหม พ่อฉลาดสุดๆ ทั้งๆ พวกเราเอาเปรียบพวกมันมาตลอด แต่พ่อก็หลอกให้พวกเขามาสนับสนุนพรรคของเราได้”

ความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบเผด็จการ “จงจำไว้เลยเป็นเรื่องระหว่างผู้ปกครองกับผู้ปกครอง ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือ”

ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ “จงจำไว้เถิดว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างนายทุน (ทุนข้ามชาติ ทุนผูกขาด ทุนการเมือง) กับกรรมกร ชาวนา

นี่คือภาพในเชิงซ้อนของความขัดแย้งทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ภายใต้ระบอบเผด็จการ

แกนนำ ผู้รักชาติ ผู้อยากเห็นความปรองดอง สู้ไปๆ ก็ผิดเป้าหมายทั้งหมด พรรคการเมือง พรรครัฐบาล ที่อยากจะออก พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ มันหลอกลวงเพื่อประโยชน์ของพวกมันทั้งสิ้น ประชาชนจะยังแต่จะถูกพวกมันเอาเปรียบ มันดูถูกพฤติกรรมของพวกนักการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล มันมีแต่จะทำประโยชน์ให้นายทุน จอมนายทุนคือทักษิณฝ่ายหนึ่ง ส่วนฝ่ายค้านตอนเป็นรัฐบาลมันก็ทำเพื่อนายทุนเช่นเดียวกัน มันหลอกๆๆๆๆ ว่ารักษาประโยชน์ประชาชน

แล้วประชาชน ปัญญาชนจริงๆ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จริงๆ ต่อสู้โดยไม่ให้ถูกหลอก และต่อสู้อย่างถูกต้อง จะทำอย่างไรละ

ก่อนอื่น เราขอถามว่า อยากให้คนในชาติถูกหลอก ตกเป็นเครื่องมือและแตกแยกกันเองขยายตัวเป็นสงครามกลางเมือง หรือไม่

กับการจะให้คนในชาติมาร่วมมือกัน จากคนสองคนขยายเป็นคนส่วนใหญ่ของประประเทศจะเอาย่างไหนกัน

สิ่งที่ทำได้ และต้องทำ ก็คือ เราจะต้องมีจุดหมายร่วมกัน จุดหมายร่วมกันในเบื้องต้น คือ 1. หลักชาติ (หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน) 2. ศาสนา (หลักธรรมาธิปไตย) 3. หลักพระมหากษัตริย์ (เป็นประมุขแห่งรัฐเท่านั้น) ไม่ใช่ประมุขระบอบที่พวกบ้า มันเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการเขียนเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการลิดรอน ลดพระบรมเดชานุภาพพระประมุขแห่งรัฐมาเป็นประมุขระบอบเผด็จการ ดู ม. 2 กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันและมาตราอื่นๆ (น่าจะขึ้นศาลเพื่อสืบสวนสอบสวน พิสูจน์ทราบว่า ระบอบปัจจุบันเป็นระบอบเผด็จการ มีเครื่องมือคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นระบอบเผด็จการทางการเมืองที่ทำลายชาติอย่างร้ายแรงที่สุดและสืบเนื่องกันมายาวนานที่สุดในโลก)

เมื่อเราได้หลักสำคัญยิ่งใหญ่ทั้งสามแล้ว คุณจะยอมรับไหม จากนั้น เราตกลงร่วมกันว่า เราทั้งหลายยอมรับ 4. หลักเสรีภาพบริบูรณ์ทางความคิดเป็นสิ่งสูงสุดแห่งการสร้างสรรค์ มีตัวอย่างคือ พระพุทธองค์ พระอรหันต์

จากนั้น เราตกลงร่วมกันว่า เราทั้งหลายยอมรับ 5. หลักความเสมอภาคทางโอกาส โดยไม่มีข้อยกเว้นเรื่องชนชั้นวรรณะ ศาสนา เชื้อชาติ ความเชื่อ หมายความว่า ทุกคนไปวัดพระแก้วได้ จะด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม ตามแต่ความสามารถของตนๆ

จากนั้น เราตกลงร่วมกันว่า เราทั้งหลายยอมรับ 6. หลักภราดรภาพ เพราะมันเป็นผลของหลักข้อที่ 1-5.

จากนั้น เราตกลงร่วมกันว่า เราทั้งหลายยอมรับ 7. หลักเอกภาพ เพราะมันเป็นผลจากข้อที่ 1-6

จากนั้น 8. หลักดุลยภาพ อันเป็นผลมาจากข้อที่ 1-7

จากนั้น เรานำทั้ง 8 ข้อนี้ นำมารวมเป็นข้อที่ 9. หลักนิติธรรม ที่ประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งทำให้ทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ต่างก็ได้ประโยชน์ แต่คนที่จะเสียผลประโยชน์ คือพวกหลอกลวงประชาชนด้วยลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ มี ทักษิณ พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองทั้งหมด นิติราษฎร์ แกนนำเสื้อแดง ฯลฯ หากว่าแกนนำเสื้อแดงจะเอาแบบนี้ เราก็ขออนุโมทนด้วย แต่...เราเชื่อว่า เป็นไปไม่ได้

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นจุดหมายร่วมของปวงในชาติ เราเชื่อว่า คนในชาติ 90% เห็นด้วย หากได้รับการอธิบาย ใครเห็นด้วยก็ชนะ ชนะขึ้นเรื่อยๆ ชนะขึ้นทุกวัน

เจอมาแล้ว บางคนเห็นด้วยสุดๆ แต่ไม่กล้าสนับสนุน เพราะกลัวตนเสียประโยชน์ เพราะไปร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาล

ระบอบปัจจุบัน และอดีตกฎหมายรัฐธรรมนูญทั้ง 17 ฉบับ ดุจดัง จักรวาลที่ไม่มีดวงอาทิตย์เซลล์ไม่มีนิวเครียส ปูเสฉวน ฯลฯ แล้วมันจะดำรงอยู่ได้อย่างไร อธิบายอย่างไรๆ มันก็ผิด ความเห็นผิดที่ทำลายชาติอย่างร้ายแรงที่สุด ยาวนานที่สุดในโลก โกหกที่ยาวนานที่สุดในโลก

หากหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ได้รับการสถาปนาจากพระเจ้าแผ่นดิน เรากล้ารับประกันได้เลยว่า จะมีแต่เอกภาพรู้รักสามัคคีธรรม

หากใครเห็นด้วย นี่คือ หลักจุดหมายของท่านซึ่งล้วนเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ดีงาม ที่มีลักษณะไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมันเป็นหลักเอกภาพ ดุลยภาพ และหลักนิติธรรมชองชาติ (หากสงสัยเชิญไปบรรยาย) ทุกคนไปถึง เข้าถึงวัดพระแก้วได้ ฉันใด ปวงชนไทยก็สามารถเข้าถึง หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ได้ ฉันนั้น

ปวงชนได้รับการปกป้องคุ้มครอง ให้ศักยภาพแก่ปวงชน ให้ความสุข ให้ความยุติธรรมอย่างเปิดเผย ทำให้ปวงชนในชาติมีความรู้ทางการเมืองพอๆ กัน ประชาชนจะไม่ตกเป็นทาสทางการเมือง จะไม่ถูกหลอกจากนักการเมืองอุบาทว์จัญไรของชาติ “พวกมึงหลอกประชาชนมานานกี่ปีแล้ว”

ปวงชน 360 องศาทั่วสารทิศเข้าถึงวัดพระแก้วได้ ฉันใด ปวงชนในชาติก็สามารถเข้าถึงหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ฉันนั้น นั่นก็คือ รูปลักษณะ พระธรรมจักร นั่นเอง “เอกภาพกับความแตกต่างหลากหลาย/แผ่กระจายกันขึ้นต่อศูนย์กลาง/ คือเหตุแห่งดุลยภาพ/มั่นคงยั่งยืนดุจเดียวกับระบบสุริยจักรวาล
กำลังโหลดความคิดเห็น