- อัตราการว่างงานของออสเตรเลียเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% สูงสุดในรอบกว่า 3 ปี สะท้อนความอ่อนแอของตลาดแรงงานและการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมอื่นนอกจากเหมืองแร่ว่ายังคงไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควรและอาจมีความจำเป็นที่ธ.กลางออสเตรเลียจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐลดลงครั้งแรกในรอบ4 สัปดาห์โดยลดลง 42,000 ราย สู่ 346,000 รายลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้วและต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ365,000 ราย
- FED เชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำยังช่วยหนุนราคาสินทรัพย์ให้สูงขึ้นและส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคครัวเรือนกับภาคธุรกิจในช่วงที่ผ่าน แม้จะมีส่วนนหนึ่งเห็นว่าการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ (QE) ควรจะสิ้นสุดลงในปีนี้หากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานเป็นไปตามคาด
- BOJ เชื่อว่า การขยายวงเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น2 เท่าจะเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2%ได้ และพร้อมที่จะดำเนินการเพิ่มเติมหากมีความจำเป็นซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะยังไม่ดำเนินการใดๆ ไปอีกระยะหนึ่งหลังจากค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 100 เยน/ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
- รอยเตอร์ชี้ว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่น กองทุน ETF และ REIT หากBOJ เสริมมาตรการกระตุ้นเชิงรุกเพื่อทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเงินฝืดที่เป็นมาเกือบ 20 ปี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวเพียง 0.2% ในปีนี้และ 0.4% ในปีหน้า
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.5% จากเดือนม.ค.หรือเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2011 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายด้านทุนอาจจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นจากความพยายามของรัฐบาลในการยุติภาวะเงินฝืด
- จีนอาจออกมาตรการดูดซับภาพคล่องและป้องกันภาวะฟองสบู่อีกครั้งในเร็วๆนี้ หลังยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.06 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจาก 900 พันล้านหยวนในเดือนก่อนหน้าซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 13ปี ขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนในระยะยาวมากขึ้นจากปัญหาหนี้เสีย
- จีนกับ EU เห็นพ้องที่จะผลักดันความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี โดยมุ่งเน้นความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกันรวมถึงการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีน- EU
- ธ.กลางเกาหลีใต้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75%ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แม้ภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าลงของเงินเยน ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจในเดือนดังกล่าวได้ลดลงจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ
- พม่าจะเปิดประมูลแหล่งน้ำมันและก๊าซครั้งใหญ่ในเดือนมิ.ย.นี้เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้าสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซในแหล่งพลังงานน้ำตื้น 11 แห่ง กับแหล่งพลังงานน้ำลึก 19 แห่ง ซึ่งเป็นโอกาสครั้งที่ 3 สำหรับบริษัทต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซตั้งแต่ปี 2011
- สศค. เผยว่า จะไม่นำมาตรการภาษีเข้ามาใช้เพื่อดูแลการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติเนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดการลงทุน และเชื่อว่ามาตรการที่ธปท. มีอยู่ยังคงใช้ได้ผล โดยเฉพาะเครื่องมือของ กนง. ซึ่งถือว่ายังมีระดับช่องว่างที่ยังใช้ได้อยู่
- โจนส์ แลง ลาซาลล์ ชี้ว่ายังไม่พบสัญญาณชัดเจนของะฟองสบู่ในตลาดคอนโดมิเนียม แม้ว่าจำนวนคอนโดมิเนียมและราคาขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเพราะการปรับราคาขึ้นเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการในตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่องนอกจากนี้ คอนโดมิเนียมยังมีคุณภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีมติปรับขึ้นค่าผ่านทาง 5 บาทซึ่งคาดว่าจะมีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.นี้ ทำให้ค่าผ่านทางปรับเพิ่มขึ้นจาก 45 บาท เป็น 50 บาท สำหรับเส้นทางด่วนขั้นที่1 และ 2
- สภาอุตสาหกรรมฯเปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบการ SME ว่าจำนวนกว่า80% ที่ขาดทุนหลังจากปรับค่าแรงเป็น 300 บาททั่วประเทศ โดยมีผู้ประกอบการกว่า 23% ที่ขาดสภาพคล่องและอีก 10% ที่อาจจะต้องปิดกิจการ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมก็อาจทำให้ต้องลดปริมาณการผลิตซึ่งนำไปสู่การลดจำนวนพนักงาน/แรงงาน รวมไปถึงการเลิกจ้าง
- SETIndex ปิดที่ 1,516.81 จุด เพิ่มขึ้น 26.56 จุด หรือ +1.78% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45,106 ล้านบาทโดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ23.30 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีOยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนเนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหลังดัชนีฯลดลงแรงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากผลการประชุมของFED ว่าจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง-0.04% ถึง + 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 1/3/6 เดือน วงเงิน 75,000 ล้านบาท
- อุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากการปรับลดคาดการณ์ของฝ่ายต่างๆ เช่น OPEC ที่ลดอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้ลงเหลือ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ(EIA) ก็ลดเหลือ 960,000 บาร์เรลต่อวัน และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ก็ลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้เหลือ795,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการบริโภคที่ต่ำกว่าคาดของประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะยุโรปและญี่ปุ่น