ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ถือหุ้น TOP ไฟเขียวก่อหนี้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เตรียมความพร้อมลงทุนโครงการใหม่ในอนาคต เผยเข้าไปช่วยศึกษาการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ต่อยอดโรงกลั่นน้ำมันเปอร์ตามิน่า ที่อินโดนีเซีย คาดว่าได้ข้อสรุป 3-4 เดือนนี้
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติ ให้บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศวงเงิน1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมพร้อมการลงทุน และโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ช่วงไหน เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกหุ้นกู้1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อต้นปี 2556 อายุหุ้นกู้ 10 ปี และ 30 ปี ซึ่งบริษัทขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการลงทุนโดยมีเม็ดเงินอยู่1,150 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายวีรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศอาเซียนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยบริษัทได้ลงนามบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู)กับบริษัท เปอร์ตามิน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย ในการเข้าไปช่วยอัพเกรดผลิตภัณฑ์บางชนิดจากกระบวนการกลั่นน้ำมันให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยบริษัทจำเป็นต้องเข้าไปศึกษาก่อนใน 2 ผลิตภัณฑ์ โดยยังไม่เจาะจงว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมาจากโรงกลั่นใดใน 5 โรงกลั่นน้ำมันของอินโดนีเซีย ที่มีกำลังการกลั่นรวม 1 ล้านบาร์เรล/วัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 3-4 เดือนข้างหน้านี้
ส่วนความร่วมมือในการเข้าไปตั้งโรงกลั่นน้ำมันใหม่นั้นอินโดนีเซียนั้น ยังไม่ได้มีการเจรจาใดๆ เนื่องจากเปอร์ตามิน่าต้องการให้ไทยออยล์ช่วยเพิ่มมูลค่าในบางผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันก่อน ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจหลายรายต้องการเข้าร่วมทุนตั้งโรงกลั่นใหม่ในอินโดนีเซีย ส่วนการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์นั้นเป็นการร่วมมือระหว่างเปอร์ตามิน่า กับ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมีคอล (PTTGC)
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในพม่านั้นยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากทางพม่าต้องการให้ไทยออยล์เข้าไปช่วยปรับปรุงโรงกลั่นขนาด 5-7 หมื่นบาร์เรล/วัน ซึ่งบริษัทฯ ก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นไฮโดรแครกเกอร์กลั่นน้ำมันเตาเป็นดีเซล 1 ยูนิตเป็นเวลา 40 วัน ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดีเซลหายไปบางส่วน แต่บริษัทฯได้เตรียมพร้อมสำรองน้ำมันดีเซลให้เพียงพอต่อความต้องการใช้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ บริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยผลิตโซลเวนต์ มีแผนจะขยายกำลังการผลิตโซลเวนต์เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนตัน/ปีจากเดิมผลิต 7.6 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จครึ่งหลังปี 2557 เพื่อรองรับความต้องการใช้โซลเวนต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสีในประเทศไทย
ภาพรวมธุรกิจน้ำมันในปีนี้้น่าจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากกว่าความต้องการใช้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นของค่าการกลั่นน่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 6.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนทิศทางอะโรเมติกส์ พบว่าปริมาณการผลิตและความต้องการใช้พาราไซลีนในตลาดโลกค่อนข้างสมดุล ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยราคาพาราไซลีนปีนี้ยังพอไปได้ ส่วนเบนซีนค่อนข้างดี แต่โทลูอีนราคาไม่ดีขึ้น
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติ ให้บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศวงเงิน1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมพร้อมการลงทุน และโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ช่วงไหน เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกหุ้นกู้1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อต้นปี 2556 อายุหุ้นกู้ 10 ปี และ 30 ปี ซึ่งบริษัทขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการลงทุนโดยมีเม็ดเงินอยู่1,150 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายวีรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศอาเซียนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยบริษัทได้ลงนามบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู)กับบริษัท เปอร์ตามิน่า ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย ในการเข้าไปช่วยอัพเกรดผลิตภัณฑ์บางชนิดจากกระบวนการกลั่นน้ำมันให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยบริษัทจำเป็นต้องเข้าไปศึกษาก่อนใน 2 ผลิตภัณฑ์ โดยยังไม่เจาะจงว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมาจากโรงกลั่นใดใน 5 โรงกลั่นน้ำมันของอินโดนีเซีย ที่มีกำลังการกลั่นรวม 1 ล้านบาร์เรล/วัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 3-4 เดือนข้างหน้านี้
ส่วนความร่วมมือในการเข้าไปตั้งโรงกลั่นน้ำมันใหม่นั้นอินโดนีเซียนั้น ยังไม่ได้มีการเจรจาใดๆ เนื่องจากเปอร์ตามิน่าต้องการให้ไทยออยล์ช่วยเพิ่มมูลค่าในบางผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันก่อน ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจหลายรายต้องการเข้าร่วมทุนตั้งโรงกลั่นใหม่ในอินโดนีเซีย ส่วนการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์นั้นเป็นการร่วมมือระหว่างเปอร์ตามิน่า กับ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมีคอล (PTTGC)
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในพม่านั้นยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากทางพม่าต้องการให้ไทยออยล์เข้าไปช่วยปรับปรุงโรงกลั่นขนาด 5-7 หมื่นบาร์เรล/วัน ซึ่งบริษัทฯ ก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นไฮโดรแครกเกอร์กลั่นน้ำมันเตาเป็นดีเซล 1 ยูนิตเป็นเวลา 40 วัน ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดีเซลหายไปบางส่วน แต่บริษัทฯได้เตรียมพร้อมสำรองน้ำมันดีเซลให้เพียงพอต่อความต้องการใช้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ บริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยผลิตโซลเวนต์ มีแผนจะขยายกำลังการผลิตโซลเวนต์เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนตัน/ปีจากเดิมผลิต 7.6 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จครึ่งหลังปี 2557 เพื่อรองรับความต้องการใช้โซลเวนต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสีในประเทศไทย
ภาพรวมธุรกิจน้ำมันในปีนี้้น่าจะทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากกว่าความต้องการใช้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นของค่าการกลั่นน่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 6.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนทิศทางอะโรเมติกส์ พบว่าปริมาณการผลิตและความต้องการใช้พาราไซลีนในตลาดโลกค่อนข้างสมดุล ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยราคาพาราไซลีนปีนี้ยังพอไปได้ ส่วนเบนซีนค่อนข้างดี แต่โทลูอีนราคาไม่ดีขึ้น