“กันกุล” เตรียมปันผล 2 เด้ง ทั้งหุ้นปันผล 1 หุ้นต่อ 2 หุ้นเดิม และเงินสดอีก 0.06 สต./หุ้น ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ ภาพรวมปี 56 ผู้บริหารคาดรายได้เติบโตเพิ่มอีก 10% พร้อมเชื่อกำไรขยายตัวจากการรับรู้กำไรการขายเงินลงทุนในบริษัทลูก 337 ล้านบาท ล่าสุด เตรียมงบลงทุนในพม่า 50 ล้านเหรียญภายใน 1-2 ปีจากนี้
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทำให้คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลงวดปี 2555 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท และจ่ายในรูปหุ้นปันผลในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น รวมอัตราการจ่ายปันผลรวม 0.56 บาทต่อหุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 22 เมษายน กำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 23 เมษายน กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 18 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2556
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท กันกุล พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แก่ บริษัท ชูบุ อิเล็คทริค พาวเวอร์ เจ็ม บี.วี.จำกัด ในจำนวน 4,860.800 หุ้น คิดเป็น 49% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด 9,920,000 หุ้น ในราคารวม 824 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 สัญญา กำลังการผลิต 30.9 เมกะวัตต์ โดยรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในครั้งนี้ 337,920,000 บาท และสามารถลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 10% เนื่องจากคาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างราว 1,600 ล้านบาท และจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ 400 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเดิมจะทำรายได้ราว 2,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีรายได้จากการขายหุ้นสามัญของบริษัท กันกุลเพาเวอร์เจน จำกัด (GPG) ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมาแน่นอน
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท จากสิ้นปี 55 มีอยู่ 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก backlog ในปีนี้ทั้งหมด และมองว่า ณ สิ้นปี 56 จะมี backlog ประมาณ 1,600 ล้านบาท จากงานก่อสร้างโครงการฐานรากของบริษัท กันกุลเพาเวอร์เจน จำกัด มูลค่า 600-700 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนในพม่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนโครงการด้านสาธารณูปโภคไว้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 1-2 ปี คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/56 โดยน่าจะเข้าไปลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 1 โครงการ
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทำให้คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลงวดปี 2555 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท และจ่ายในรูปหุ้นปันผลในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น รวมอัตราการจ่ายปันผลรวม 0.56 บาทต่อหุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 22 เมษายน กำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 23 เมษายน กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 18 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2556
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท กันกุล พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แก่ บริษัท ชูบุ อิเล็คทริค พาวเวอร์ เจ็ม บี.วี.จำกัด ในจำนวน 4,860.800 หุ้น คิดเป็น 49% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด 9,920,000 หุ้น ในราคารวม 824 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 สัญญา กำลังการผลิต 30.9 เมกะวัตต์ โดยรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในครั้งนี้ 337,920,000 บาท และสามารถลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 10% เนื่องจากคาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างราว 1,600 ล้านบาท และจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ 400 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเดิมจะทำรายได้ราว 2,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีรายได้จากการขายหุ้นสามัญของบริษัท กันกุลเพาเวอร์เจน จำกัด (GPG) ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมาแน่นอน
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท จากสิ้นปี 55 มีอยู่ 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก backlog ในปีนี้ทั้งหมด และมองว่า ณ สิ้นปี 56 จะมี backlog ประมาณ 1,600 ล้านบาท จากงานก่อสร้างโครงการฐานรากของบริษัท กันกุลเพาเวอร์เจน จำกัด มูลค่า 600-700 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนในพม่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนโครงการด้านสาธารณูปโภคไว้ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 1-2 ปี คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/56 โดยน่าจะเข้าไปลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 1 โครงการ