หยวนแข็งค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันนี้ ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางที่ระดับสูงเกินคาด ซึ่งเทรดเดอร์ระบุว่า เป็นการบ่งชี้ถึงการยอมรับของรัฐบาลต่อการแข็งค่าของ หยวนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนในตลาดสปอตแตะระดับ 6.2004 หยวน/ดอลลาร์ ในช่วงเช้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดตั้งสำนักระบบการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราจีน (CFETS) ในปี 1994 เป็นต้นมา และหยวน อยู่ที่ 6.2014 ในช่วงเที่ยงวันนี้ ขณะที่แข็งค่าขึ้น 0.11% จากระดับปิด วานนี้ที่ 6.2080
ธนาคารกลางจีน (PBOC) กำหนดค่ากลางของหยวนไว้ที่ 6.2586 หยวน/ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล โดยเพิ่มขึ้น 0.14% จากค่ากลางของเมื่อวานนี้ที่ 6.2674
"ทุกคนแปลกใจกับค่ากลางของวันนี้ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์มากขึ้น เกี่ยวกับสาเหตุที่ PBOC กำลังทำให้หยวนแข็งค่าขึ้น" เทรดเดอร์จากธนาคาร ยุโรปแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ กล่าว "แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า ท่าทีของรัฐบาลในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง"
เทรดเดอร์เชื่อว่า หยวนจะแข็งค่าทะลุระดับแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 6.20 ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะทำการทบทวนพฤติกรรมด้านปริวรรตเงินตราของประเทศคู่ค้าของสหรัฐรอบครึ่งปี
ในเดือนที่แล้ว กลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติจากทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อกดดันจีนปล่อยให้หยวนแข็งค่ามากขึ้นอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงข้อพิพาททางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน
สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนย้ำว่า ค่าเงินหยวนมีมูลค่าต่ำเกินจริง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออกของสหรัฐ
เทรดเดอร์อีกหลายคนกล่าวว่า การเพิ่มค่ากลางบ่งชี้ว่า ผู้นำใหม่ของจีนอาจจะสนับสนุนหยวนที่แข็งค่าเร็วขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในลักษณะที่ควบคุมโดยทางการ และการแข็งค่าดังกล่าวอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปเพื่อทำให้หยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นภายใต้บัญชีทุน
นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ปริมาณเงินทุนเก็งกำไรไหลเข้าจีนในปีนี้ อันเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางของชาติตะวันตกอื่นๆ นับตั้งแต่ช่วง ครึ่งหลังของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าจำนวนมากของจีนได้เพิ่มปริมาณ ดอลลาร์ในตลาด
แรงกดดันในตลาดทำให้หยวนทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดของช่วงซื้อขาย นับตั้งแต่เดือนก.ย.2012 และ PBOC จะใช้การปรับเพิ่มค่ากลางขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการสกัดการแข็งค่ามากเกินไปของหยวน
ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงในวันนี้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน นำโดยหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากหนังสือพิมพ์รายงานว่า การปฏิรูปราคายาอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไร ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดลบ 0.3% สู่ระดับ 2,227.74 ซึ่งเป็น ระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2012 และดัชนี CSI300 ของหุ้น A-share ในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นปิดตลาดลบ 0.3% เช่นกัน สู่ระดับ 2,486.4 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค
(ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์)
T.Thammasak
ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนในตลาดสปอตแตะระดับ 6.2004 หยวน/ดอลลาร์ ในช่วงเช้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดตั้งสำนักระบบการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราจีน (CFETS) ในปี 1994 เป็นต้นมา และหยวน อยู่ที่ 6.2014 ในช่วงเที่ยงวันนี้ ขณะที่แข็งค่าขึ้น 0.11% จากระดับปิด วานนี้ที่ 6.2080
ธนาคารกลางจีน (PBOC) กำหนดค่ากลางของหยวนไว้ที่ 6.2586 หยวน/ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล โดยเพิ่มขึ้น 0.14% จากค่ากลางของเมื่อวานนี้ที่ 6.2674
"ทุกคนแปลกใจกับค่ากลางของวันนี้ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์มากขึ้น เกี่ยวกับสาเหตุที่ PBOC กำลังทำให้หยวนแข็งค่าขึ้น" เทรดเดอร์จากธนาคาร ยุโรปแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ กล่าว "แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า ท่าทีของรัฐบาลในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง"
เทรดเดอร์เชื่อว่า หยวนจะแข็งค่าทะลุระดับแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 6.20 ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะทำการทบทวนพฤติกรรมด้านปริวรรตเงินตราของประเทศคู่ค้าของสหรัฐรอบครึ่งปี
ในเดือนที่แล้ว กลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติจากทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อกดดันจีนปล่อยให้หยวนแข็งค่ามากขึ้นอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงข้อพิพาททางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน
สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนย้ำว่า ค่าเงินหยวนมีมูลค่าต่ำเกินจริง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออกของสหรัฐ
เทรดเดอร์อีกหลายคนกล่าวว่า การเพิ่มค่ากลางบ่งชี้ว่า ผู้นำใหม่ของจีนอาจจะสนับสนุนหยวนที่แข็งค่าเร็วขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในลักษณะที่ควบคุมโดยทางการ และการแข็งค่าดังกล่าวอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปเพื่อทำให้หยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นภายใต้บัญชีทุน
นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ปริมาณเงินทุนเก็งกำไรไหลเข้าจีนในปีนี้ อันเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางของชาติตะวันตกอื่นๆ นับตั้งแต่ช่วง ครึ่งหลังของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าจำนวนมากของจีนได้เพิ่มปริมาณ ดอลลาร์ในตลาด
แรงกดดันในตลาดทำให้หยวนทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดของช่วงซื้อขาย นับตั้งแต่เดือนก.ย.2012 และ PBOC จะใช้การปรับเพิ่มค่ากลางขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการสกัดการแข็งค่ามากเกินไปของหยวน
ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงในวันนี้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน นำโดยหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากหนังสือพิมพ์รายงานว่า การปฏิรูปราคายาอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไร ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดลบ 0.3% สู่ระดับ 2,227.74 ซึ่งเป็น ระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2012 และดัชนี CSI300 ของหุ้น A-share ในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นปิดตลาดลบ 0.3% เช่นกัน สู่ระดับ 2,486.4 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค
(ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์)
T.Thammasak
