บอร์ด ทอท.ไฟเขียวชง ครม.ปรับดอนเมืองรับเที่ยวบินไม่จำกัด

บอร์ด ทอท.เห็นชอบปรับบทบาทดอนเมืองรับเที่ยวบินไม่มีข้อจำกัด สั่งเร่งชง ครม.ขอทบทวนมติเดิมที่ให้เป็นสนามบินสำหรับโลว์คอสต์ และเที่ยวบินแบบไม่ต่อเครื่อง “ศิธา” ยันหารือกองทัพอากาศแล้วไม่มีปัญหาจุดตัดในอากาศ พร้อมสั่งปลด “สมชัย” พ้นรักษาการเอ็มดี และโยกไปคุมงานภูมิภาคแทน อ้างนั่ง 2 ตำแหน่งงานหนักเกินไป และอนุมัติจัดซื้อรถเข็นกระเป๋าสุวรรณภูมิเพิ่มอีก 3,500 คัน ดันขึ้นชั้นสนามบิน 5 ดาว

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท.เมื่อวันที่ 27 มีนาคมมีมติเห็นชอบให้ท่าอากาศยานดอนเมืองรองรับเที่ยวบินแบบเต็มรูปแบบ (Full Service) เช่นเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่มีข้อจำกัดทางการบินและสามารถรองรับการเติบโตของผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น โดยให้ ทอท.เร่งทำแผนเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทบทวนมติเดิมที่กำหนดบทบาทท่าอากาศยานดอนเมืองให้รองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Carriers : LCCs) และ/หรือเส้นทางการบินในประเทศ และระหว่างประเทศแบบจุดต่อจุด (Point to Point) บนหลักการของความสมัครใจของสายการบิน

ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องจุดตัดในอากาศระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งก่อนหน้านี้กังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการบินนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทอท.ได้หารือกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แล้วว่า เส้นทางบินที่จำกัดเพราะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ฝึกบินของกองทัพอากาศ (ทอ.) ซึ่ง พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ เสนาธิการทหารอากาศ เป็นกรรมการบอร์ด ทอท.อยู่ด้วย ได้หารือกันแล้วว่าสามารถบริหารจัดการได้โดยใช้พื้นที่ฝึกบินของกองทัพอากาศมาจัดสรรให้บริการได้

“เรื่องจุดตัดหรือเส้นทางการบินระหว่าง 2 สนามบินสามารถบริหารจัดการได้ไม่มีปัญหา เพราะเส้นทางการบินเพิ่มเติมจะเป็นที่กองทัพอากาศใช้ฝึกบินแต่วันนี้ ได้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าและการท่องเที่ยวแล้ว จะมีการปรับการใช้งานร่วมกัน การปรับเปลี่ยนบทบาทของสนามบินดอนเมืองเพื่อให้ใช้ประโยชน์ทรัพย์สินที่มีได้เต็มศักยภาพ รองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับทิศทางการขนส่งทางอากาศที่เปลี่ยนไป” น.ต.ศิธากล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ บอร์ด ทอท.ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.แทนนายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) เนื่องจากการสรรหาเอ็มดี ทอท.ซึ่งมีผู้สมัคร 6 คนยังไม่แล้วเสร็จ และใช้เวลามากกว่า 2 เดือน ซึ่งบอร์ดเห็นว่านายสมชัยมีภาระมากและทำหน้าที่ปกติได้ไม่ครอบคลุม จึงตั้งนายพงศ์ศักติฐ์ ซึ่งเป็นอดีตปลัด กทม.มีความรู้เรื่องกฎระเบียบและสามารถทำงานได้เต็มเวลาแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ได้โยกย้ายนายสมชัย สวัสดีผล จากรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ไปดูแลสายงานท่าอากาศยานภูมิภาคแทนนายเชาวลิต ภคอริยะ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานท่าอากาศยานภูมิภาค) ที่จะโยกย้ายมาดูแลสายงานวิศวกรรมและการก่อสร้างแทน ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสม

น.ต.ศิธากล่าวต่อว่า บอร์ดยังได้เห็นชอบการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มอีก 3,500 คัน เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผู้โดยสารระหว่างประเทศ ตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท.เสนอ โดยระบุว่าเป็นจำนวนรถเข็นกระเป๋าที่ ICAO กำหนดว่าท่าอากาศยานมาตรฐาน 5 ดาวต้องมี โดยใช้งบลงทุนในปี 2557 ซึ่งจะจัดซื้อจัดหาประมาณเดือนตุลาคม 2556

โดยปัจจุบันท่าอากาศยานมีรถเข็นกระเป๋าจำนวน 9,034 คัน ประกอบด้วย รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คันซึ่งบริษัท เอพี เมนเนจเม้นท์ จำกัดเป็นผู้รับสัมปทานให้บริการระยะเวลา 7 ปี (53-60) วงเงิน 566,244,000 บาท ซึ่งการจัดหาใหม่อีก 3,500 คัน จะเป็นการให้สัมปทานจัดหาและบริหารจัดการเช่นเดียวเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทเอพีฯ ได้เสนอที่จะเป็นผู้จัดหา แต่ ทอท.ได้ชะลอแผนไว้ เนื่องจากตรวจพบปัญหาในการทำงาน ทั้งกรณี sub contract งานจัดเก็บกระเป๋า จนมีปัญหาพนักงานประท้วงหยุดงาน กระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร หรือจำนวนรถเข็นไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดในสัญญา ที่ระบุว่าบริษัทต้องมีรถเข็นกระเป๋าสำรองเพื่อใช้ทดแทนกรณีที่ซ่อมเพื่อให้รถเข็นกระเป๋าในระบบเต็มจำนวนตลอดเวลา แต่ล่าสุดได้มีการวิ่งเต้นจนผ่านความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจและมีคำสั่งให้ ทอท.เดินหน้าในการจัดหาได้