xs
xsm
sm
md
lg

SF มุ่งผุดบิ๊กมอลล์ยึดพื้นที่อสังหาฯ แผน 5 ปีทุ่ม 7.5 พันล้านเพิ่ม 20 สาขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอมมูนิตีมอลล์เกลื่อนเมือง “เอสเอฟ” ไม่หวั่นกางแผน 5 ปี กำเม็ดเงินกว่า 7,500 ล้านบาท ลุยผุดอีก 15-20 สาขา เชื่อทำเลดีๆ ยังมีอยู่ พร้อมจับมือพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์พัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกัน ประเดิมรับบริหารให้มหาวิทยาลัยลัยกรุงเทพ

นายนพพร วิฑูรชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอฟ เปิดเผยว่า ภาพรวมศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตีมอลล์ปีนี้ถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น หรือมีหลายแห่งที่ปิดตัวลง สำหรับเอสเอฟยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาคอมมูนิตีมอลล์ตามแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มสาขาใหม่ปีละ 3 แห่ง หรือตามแผน 5 ปีจะขยายเพิ่มอีกประมาณ 15-20 สาขา เม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 7,500 ล้านบาท โดยแต่ละสาขาที่จะเปิดจะเป็นโมเดลไซส์ใหญ่พื้นที่ประมาณ 10,000-15,000 ตารางเมตร เฉลี่ยแต่ละสาขาลงทุน 500 ล้านบาท 

“การลงทุนเพิ่มคอมมูนิตีมอลล์นั้นอาจจะหาทำเลที่ดีและมีพื้นที่ใหญ่พอที่ต้องการยากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งต้องการที่จะทำให้พื้นที่นั้นๆ มีคอมมูนิตีมอลล์สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัยร่วมด้วย จึงเป็นช่องทางการขยายคอมมูนิตีมอลล์อีกแผนหนึ่งของเอสเอฟหลังจากนี้ โดยปีนี้จะเปิดคอมมูนิตีมอลล์เพิ่มเพียง 1 แห่ง เนื่องจากปีก่อนมีการลงทุนไปกับเมกาบางนาพอสมควร ซึ่งเมื่อรวมพื้นที่การพัฒนาเข้าด้วยกันแล้วก็เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการเปิดคอมมูนิตีมอลล์ 3 แห่งตามแผน และในปีหน้าจะกลับมามาเปิดเพิ่ม 3 แห่งตามเดิม มุ่งเน้นกรุงเทพฯ เป็นหลัก”

สำหรับคอมมูนิตีมอลล์แห่งใหม่ล่าสุดเป็นการจับมือกับทางบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือแอลพีเอ็น กับความร่วมมือกันในโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่นำร่องของแอลพีเอ็น บนพื้นที่ 100 ไร่ โดยเอสเอฟได้เช่าพื้นที่ทำคอมมูนิตีมอลล์ในโครงการดังกล่าว มูลค่าการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท รองรับคนในโครงการและพื้นที่ใกล้เคียงที่มีไม่ต่ำกว่า 50,000 คน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อระดับบีขึ้นไป คาดว่าภายในปลายปีจะเปิดให้บริการได้

ปัจจุบันเอสเอฟมีคอมมูนิตีมอลล์ที่พัฒนาขึ้นทั้งสิ้น 30 แห่ง แบ่งเป็น กทม.28 แห่ง และต่างจังหวัด 2 แห่ง โดยคอมมูนิตีมอลล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เจ-อะเวนิว ทองหล่อ และลาวิลล่า ที่ปากซอยอารีย์ นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทยังเข้าไปร่วมบริหารคอมมูนิตีมอลล์ 1 แห่ง คือ อิมเมจิ้น วิลเลจ ของทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ รังสิต ที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ด้วย

แผนการรับบริหารคอมมูนิตีมอลล์นั้นจะไม่เน้น ถึงแม้จะมีหลายรายทาบทามเข้ามา แต่มองแล้วไม่คุ้ม เพราะส่วนใหญ่เป็นคอมมูนิตีมอลล์ที่ทำเลไม่ดี หรือมีโพสิชันนิงไม่ตรงกับผู้อยู่อาศัยย่านนั้นๆ ดังนั้นจึงมุ่งพัฒนาคอมมูนิตีมอลล์ขึ้นมาเองจะทำรายได้ได้ดีกว่าและยังสามารถคุ้มทุนได้ในเวลาอันรวดเร็วประมาณ 5 ปี 

นายนพพรกล่าวต่อว่า สำหรับรายได้รวมของบริษัทฯ ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตขึ้นอีก 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือเป็นตัวเลขการเติบโตในระดับปกติ แต่ในแง่ของกำไรเชื่อว่าจะทำได้สูงกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นกำไรที่เกิดจากการลงทุนของเมกาบางนาที่ลงทุนไปก่อนหน้าและเริ่มเห็นกำไรในปีนี้นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น