แมงเม้าท์เล่าอินไซด์ มาแล้วจร้าาาาาา ว๊ากกกก ร้อนๆๆๆๆๆๆ กับหุ้นไทย ไม่ใช่ความร้อนแรงแต่อย่างใด แต่นี่คืออาการถูกเพลิงจากตลาดหุ้นลวกเข้าอย่างจัง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงกันนับร้อยจุด
ใครจำได้บ้างหุ้นไทยขึ้นสูงสุดรอบนี้เมื่อไหร่และเท่าไหร่ คงจำกันยาก รู้แต่ลงลูกเดียว บอกให้หุ้นไทยขึ้นสูงสุดทำสถิติรอบ 19 ปี ณ วันที่ 19 มีนาคม 2556 เวลา 10.15 น. ที่ดัชนี 1601.34 จุด ก่อนที่จะถูกตบลงมาอย่างไม่ยั้ง 4 วันทำการรวด และลงไปต่ำสุด 1464.72 จุด ในวันศุกร์ คิดเป็นเปอร์เซนต์การร่วงลงของหุ้นไทยจากจุดสูงสุดไปจุดต่ำสุดถึง 8.55% แม้ว่าจะรีบาวนด์มาปิดที่ 1478.97 จุด ได้ แต่ก็ยังช้ำ เพราะมูลค่าตลาดมันหายวับไปกับตา 1.07 ล้านล้านบาทนับจากสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยแตะ 100,000 ล้านบาท แล้วจร้า ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดมา...ว่าแต่ว่าจะดีใจ...ดีไหมเนี่ย มาทำสถิติตอนหุ้นลงเนี่ยนะ เฮ้ออออ
อันนี้บอกกันไปสัปดาห์ที่แล้วว่าเวลาหุ้นขึ้นอย่าหลงดีใจ...ให้รู้จักตั้งรับให้เป็น ดูจุดแนวรับ และ STOPLOSS ให้ได้ บอกกันไปแล้ว หวังว่าคงรอดกันนะ อย่าลืมเพราะคอมพิวเตอร์ของสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ เค้าตั้งโปรแกรมสต็อบการขาดทุนไว้ ดังนั้นการร่วงของดัชนี ถ้าหลุดแนวรับขึ้นมา.....มีหรือว่าจะไม่โดนขายแรงๆ
เวลาหุ้นลงข่าวลือมันก็เพียบ ที่กระทบตลาดนั้นมีมากมายหลายเรื่อง เอาเฉพาะเรื่องที่พูดได้ ก็เช่น เก้าอี้นายกฯ ปู กำลังสั่นคลอนจากปัญหาการเมือง การที่นักลงทุนรายใหญ่ชอบใช้เงินกู้เล่นหุ้นๆ ถูกบังคับขายหุ้น ผสมกับปัญหาไซปรัสที่ยังหาทางออกทางการเงินไม่เจอ หลังรัฐสภาปฏิเสธไม่เก็บภาษีเงินฝาก...และจนแล้วจนรอด
เรื่องเก้าอี้นายก อันนั้นไม่รู้ แต่สำหรับ การบังคับขายหุ้นนั้น ทั้งพี่นก จรัมพร โชติกสเถียร ผจก.ตลาด และ โบรกเกอร์ยันไม่มีนะจ๊ะ อ๊ะเรื่องนี้พอเชื่อได้ แต่ก็อย่าหยุดจับตา โดยเฉพาะวันจันทร์-อังคารนี้ถ้าหุ้นร่วงไม่หยุด มีเสียว.... เพราะพอร์ตมาร์จิ้น (เงินกู้) โบรกเกอร์สามารถเรียกให้เติมเงินได้ 5 วัน ถ้าวันที่ 6 ไม่เติมเงินถึงจะถูกบังคับขายหุ้น
เอางี้อย่า งง เอาเป็นว่าดูให้ดีหุ้นที่ร่วงลงมา 15% แล้วตั้งแต่วันอังคาร มันเข้าข่ายถูกเรียกเติมเงิน หากยังทะลึ่งลงอีก ก็มีโอกาสบังคับขายได้ ... ฉะนั้นจงลุ้นให้หุ้นรีบาวน์ ขึ้นไป แต่ก็ต้องระวังแรงขายอยู่ดี ดังนั้นถือว่าสั่งสอนพวกชอบใช้เงินกู้ให้รู้จักรับกรรม
แล้วสัปดาห์นี้เอาอย่างไรกับหุ้นไทยดี....เอาเป็นว่า ไล่เรียงไปดูตลาดหุ้นโลกก่อน อย่าง หุ้นดาวโจนส์ ศุกร์ที่ผ่านมาบวกขึ้นมาปิดที่ 14,512.03 จุดได้ เช่นเดียวกับ เอสแอนด์พี ที่ปิดที่ 1,556.89 จุด ถือว่าโอเคร แต่ในฝั่งยุโรปตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง ฉะนั้นหุ้นไทยจันทร์นี้ลุ้นรีบาวแล้วกัน 1466 คือแนวรับ ที่หากหลุดหัวเด็ดตีนขาด....ส่วนแนวต้าน 1480 จุด และ 1500 จุด แต่ต้องจำไว้ว่าการขึ้นครั้งนี้อาจจะแค่รีบาวน์ เพื่อลง .... ยกเว้นจะวิ่งยาวเกิน 1550 จุดนู้นถึงจะเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เข้าใจแล้วใช่ไหม??? ส่วนจะบริหารพอร์ตอย่างไรต้องไปตอบคำถามตัวเอง
แต่ขอบอกไว้ก่อนแนวรับ แนวต้านนี้ใช้ได้กับคนที่ชอบซื้อขายระยะสั้น ส่วนพวกที่ชอบถือยาว เพราะพื้นฐาน และ ปันผล อันนี้ก็อย่าลืมวัตถุประสงค์ตอนที่คุณเข้าแล้วกันเดี๋ยวจะหาว่าเม้าท์ไม่เตือน...เงินโลกมันเยอะอย่าลืม และ อนาคตไทยก็ยังดี เลือกหุ้นถูกๆ ดีๆ และทยอยเข้าให้เป็นนะ และให้ดูต่างชาติด้วยว่าจะกลับมาซื้อแรงๆ ได้หรือไม่ แค่เนี้ยย เพราะล่าสุดแม้จะซื้อใน SET แต่ก็แค่จิ๊บๆ แค่กว่า 70 ล้านบาท แต่ในฝั่ง SET FUTURES ยังขายแหลกกว่า 2 พันสัญญา
ไปดูแต่ละโบรกดีกว่าประเมินหุ้นไทยกันอย่างไร เอาข่าวร้ายไปก่อน "คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" จาก บล.เอเชียพลัส มอง แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า จะยังคงปรับตัวลดลง และอาจดีดกลับขึ้นมาในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนในการแก้ไขปัญหาหนี้ของไซปรัส และปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทที่ยังกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน ให้มีการเทขายออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกใดที่จะส่งผลให้ดัชนีฯสามารถกลับมายืนในแดนบวกได้ พร้อมแนะนำขาย แนวรับที่ 1,450 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด ขณะที่ "คุณธีรดา ชาญยิ่งยงค์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เห็นพ้อง ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะปรับลงได้อีก แม้ดัชนี จะปรับตัวลดลงมากในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังต้องติดตามปัจจัยจากภายนอกกรณีของ ไซปรัส รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทด้วย มองว่าดัชนียังมีโอกาสปรับลงไปได้ถึงบริเวณ 1,440 จุด แต่ก็ยังว่า จะมีการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี(window dressing) เข้ามาช่วยประคองภาพรวมการลงทุนได้
ส่วน "คุณปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์" ค่าย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เชื่อว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามี โอกาสฟื้นตัวขึ้น ในกรอบที่ค่อนข้างกว้าง หลังจากร่วงลงแรงในสัปดาห์นี้ และ ตอบรับปัจจัยลบจากทั้งใน และต่างประเทศไปค่อนข้างมากแล้ว กรอบแนวรับบริเวณ 1,450 และแนวต้านที่ 1,500-1,520 จุด ขณะที่ คุณสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ แนวรับ บริเวณ 1,460-1,480 และแนวต้านที่ 1,510-1,540 จุด
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. ช่วงหุ้นลงแรงแบบนี้ ให้แอบจับตา หรือมีเงินจะทยอยสะสมหุ้นดีๆ จับตากันไปที่กลุ่มขนส่ง อย่าง AAV ที่มี ROE (อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นดีสุดในกลุ่มขนส่ง) อีกตัวก็คือ SIM ที่วันศุกร์ เขย่าแรงให้คนกลัวขาย ก่อนที่จะขึ้นมาปิดแบบสูงๆ อันนี้น่าสนมากมายว่าจะยืนเหนือ 3.14 ได้หรือไม่..... อีกตัวให้ลองหันไปมองกันไปที่หุ้น TIPCO ที่กำลังลือกันสะพัดกับการที่เสี่ยเจริญ เจ้าพ่อน้ำเมา ที่หลังจากกินชาเขียว กิน น้ำดำ กินน้ำสีแล้ว ก็ อยากจะกินน้ำส้วม เอ้ย น้ำส้ม ... ดูกันให้ดี เพราะลือหนาหู เสี่ยแกจะเทคโอเวอร์ TIPCO ส่วนจะเป็นข่าวปั้นข่าวจริง ตรวจสอบกันเอง ถึงเวลาลาจากแล้ว.....รักษาตัวทุกคน บายจร้าาาา
ใครจำได้บ้างหุ้นไทยขึ้นสูงสุดรอบนี้เมื่อไหร่และเท่าไหร่ คงจำกันยาก รู้แต่ลงลูกเดียว บอกให้หุ้นไทยขึ้นสูงสุดทำสถิติรอบ 19 ปี ณ วันที่ 19 มีนาคม 2556 เวลา 10.15 น. ที่ดัชนี 1601.34 จุด ก่อนที่จะถูกตบลงมาอย่างไม่ยั้ง 4 วันทำการรวด และลงไปต่ำสุด 1464.72 จุด ในวันศุกร์ คิดเป็นเปอร์เซนต์การร่วงลงของหุ้นไทยจากจุดสูงสุดไปจุดต่ำสุดถึง 8.55% แม้ว่าจะรีบาวนด์มาปิดที่ 1478.97 จุด ได้ แต่ก็ยังช้ำ เพราะมูลค่าตลาดมันหายวับไปกับตา 1.07 ล้านล้านบาทนับจากสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยแตะ 100,000 ล้านบาท แล้วจร้า ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดมา...ว่าแต่ว่าจะดีใจ...ดีไหมเนี่ย มาทำสถิติตอนหุ้นลงเนี่ยนะ เฮ้ออออ
อันนี้บอกกันไปสัปดาห์ที่แล้วว่าเวลาหุ้นขึ้นอย่าหลงดีใจ...ให้รู้จักตั้งรับให้เป็น ดูจุดแนวรับ และ STOPLOSS ให้ได้ บอกกันไปแล้ว หวังว่าคงรอดกันนะ อย่าลืมเพราะคอมพิวเตอร์ของสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ เค้าตั้งโปรแกรมสต็อบการขาดทุนไว้ ดังนั้นการร่วงของดัชนี ถ้าหลุดแนวรับขึ้นมา.....มีหรือว่าจะไม่โดนขายแรงๆ
เวลาหุ้นลงข่าวลือมันก็เพียบ ที่กระทบตลาดนั้นมีมากมายหลายเรื่อง เอาเฉพาะเรื่องที่พูดได้ ก็เช่น เก้าอี้นายกฯ ปู กำลังสั่นคลอนจากปัญหาการเมือง การที่นักลงทุนรายใหญ่ชอบใช้เงินกู้เล่นหุ้นๆ ถูกบังคับขายหุ้น ผสมกับปัญหาไซปรัสที่ยังหาทางออกทางการเงินไม่เจอ หลังรัฐสภาปฏิเสธไม่เก็บภาษีเงินฝาก...และจนแล้วจนรอด
เรื่องเก้าอี้นายก อันนั้นไม่รู้ แต่สำหรับ การบังคับขายหุ้นนั้น ทั้งพี่นก จรัมพร โชติกสเถียร ผจก.ตลาด และ โบรกเกอร์ยันไม่มีนะจ๊ะ อ๊ะเรื่องนี้พอเชื่อได้ แต่ก็อย่าหยุดจับตา โดยเฉพาะวันจันทร์-อังคารนี้ถ้าหุ้นร่วงไม่หยุด มีเสียว.... เพราะพอร์ตมาร์จิ้น (เงินกู้) โบรกเกอร์สามารถเรียกให้เติมเงินได้ 5 วัน ถ้าวันที่ 6 ไม่เติมเงินถึงจะถูกบังคับขายหุ้น
เอางี้อย่า งง เอาเป็นว่าดูให้ดีหุ้นที่ร่วงลงมา 15% แล้วตั้งแต่วันอังคาร มันเข้าข่ายถูกเรียกเติมเงิน หากยังทะลึ่งลงอีก ก็มีโอกาสบังคับขายได้ ... ฉะนั้นจงลุ้นให้หุ้นรีบาวน์ ขึ้นไป แต่ก็ต้องระวังแรงขายอยู่ดี ดังนั้นถือว่าสั่งสอนพวกชอบใช้เงินกู้ให้รู้จักรับกรรม
แล้วสัปดาห์นี้เอาอย่างไรกับหุ้นไทยดี....เอาเป็นว่า ไล่เรียงไปดูตลาดหุ้นโลกก่อน อย่าง หุ้นดาวโจนส์ ศุกร์ที่ผ่านมาบวกขึ้นมาปิดที่ 14,512.03 จุดได้ เช่นเดียวกับ เอสแอนด์พี ที่ปิดที่ 1,556.89 จุด ถือว่าโอเคร แต่ในฝั่งยุโรปตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง ฉะนั้นหุ้นไทยจันทร์นี้ลุ้นรีบาวแล้วกัน 1466 คือแนวรับ ที่หากหลุดหัวเด็ดตีนขาด....ส่วนแนวต้าน 1480 จุด และ 1500 จุด แต่ต้องจำไว้ว่าการขึ้นครั้งนี้อาจจะแค่รีบาวน์ เพื่อลง .... ยกเว้นจะวิ่งยาวเกิน 1550 จุดนู้นถึงจะเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เข้าใจแล้วใช่ไหม??? ส่วนจะบริหารพอร์ตอย่างไรต้องไปตอบคำถามตัวเอง
แต่ขอบอกไว้ก่อนแนวรับ แนวต้านนี้ใช้ได้กับคนที่ชอบซื้อขายระยะสั้น ส่วนพวกที่ชอบถือยาว เพราะพื้นฐาน และ ปันผล อันนี้ก็อย่าลืมวัตถุประสงค์ตอนที่คุณเข้าแล้วกันเดี๋ยวจะหาว่าเม้าท์ไม่เตือน...เงินโลกมันเยอะอย่าลืม และ อนาคตไทยก็ยังดี เลือกหุ้นถูกๆ ดีๆ และทยอยเข้าให้เป็นนะ และให้ดูต่างชาติด้วยว่าจะกลับมาซื้อแรงๆ ได้หรือไม่ แค่เนี้ยย เพราะล่าสุดแม้จะซื้อใน SET แต่ก็แค่จิ๊บๆ แค่กว่า 70 ล้านบาท แต่ในฝั่ง SET FUTURES ยังขายแหลกกว่า 2 พันสัญญา
ไปดูแต่ละโบรกดีกว่าประเมินหุ้นไทยกันอย่างไร เอาข่าวร้ายไปก่อน "คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" จาก บล.เอเชียพลัส มอง แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า จะยังคงปรับตัวลดลง และอาจดีดกลับขึ้นมาในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนในการแก้ไขปัญหาหนี้ของไซปรัส และปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทที่ยังกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน ให้มีการเทขายออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกใดที่จะส่งผลให้ดัชนีฯสามารถกลับมายืนในแดนบวกได้ พร้อมแนะนำขาย แนวรับที่ 1,450 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด ขณะที่ "คุณธีรดา ชาญยิ่งยงค์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เห็นพ้อง ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะปรับลงได้อีก แม้ดัชนี จะปรับตัวลดลงมากในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังต้องติดตามปัจจัยจากภายนอกกรณีของ ไซปรัส รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทด้วย มองว่าดัชนียังมีโอกาสปรับลงไปได้ถึงบริเวณ 1,440 จุด แต่ก็ยังว่า จะมีการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี(window dressing) เข้ามาช่วยประคองภาพรวมการลงทุนได้
ส่วน "คุณปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์" ค่าย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เชื่อว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามี โอกาสฟื้นตัวขึ้น ในกรอบที่ค่อนข้างกว้าง หลังจากร่วงลงแรงในสัปดาห์นี้ และ ตอบรับปัจจัยลบจากทั้งใน และต่างประเทศไปค่อนข้างมากแล้ว กรอบแนวรับบริเวณ 1,450 และแนวต้านที่ 1,500-1,520 จุด ขณะที่ คุณสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ แนวรับ บริเวณ 1,460-1,480 และแนวต้านที่ 1,510-1,540 จุด
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. ช่วงหุ้นลงแรงแบบนี้ ให้แอบจับตา หรือมีเงินจะทยอยสะสมหุ้นดีๆ จับตากันไปที่กลุ่มขนส่ง อย่าง AAV ที่มี ROE (อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นดีสุดในกลุ่มขนส่ง) อีกตัวก็คือ SIM ที่วันศุกร์ เขย่าแรงให้คนกลัวขาย ก่อนที่จะขึ้นมาปิดแบบสูงๆ อันนี้น่าสนมากมายว่าจะยืนเหนือ 3.14 ได้หรือไม่..... อีกตัวให้ลองหันไปมองกันไปที่หุ้น TIPCO ที่กำลังลือกันสะพัดกับการที่เสี่ยเจริญ เจ้าพ่อน้ำเมา ที่หลังจากกินชาเขียว กิน น้ำดำ กินน้ำสีแล้ว ก็ อยากจะกินน้ำส้วม เอ้ย น้ำส้ม ... ดูกันให้ดี เพราะลือหนาหู เสี่ยแกจะเทคโอเวอร์ TIPCO ส่วนจะเป็นข่าวปั้นข่าวจริง ตรวจสอบกันเอง ถึงเวลาลาจากแล้ว.....รักษาตัวทุกคน บายจร้าาาา