สรุปกุมภาพันธ์ รายย่อยเทรดสนั่นวันละ 4 หมื่นล้าน สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่เทรดเฉลี่ย 1.2-1.5 หมื่นล้านต่อวัน หุ้น Non Set 100 พุ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยันไม่นิ่งเฉย เฝ้าติดตาม รอจบ Q1 สรุปภาพ หาสัดส่วนเม็ดเงินลงทุนจริง หลังเจอวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันแตะ 6 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากปี 55 กว่าเท่าตัว พบ 2 เดือนแรกกองทุนหุ้นเข้าซื้อ ดันสถาบันซื้อสุทธิเพียงกลุ่ม ส่วนวันนี้ (18 มี.ค.) ไซปรัสกดทุกตลาดดิ่ง ของไทยลดลง 6 จุด
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงแถลงสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เดือน ก.พ.56 ว่า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 62,047 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มซื้อขาย โดยเพิ่มขึ้น 79.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 31,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 6.98% จากเดือนมกราคม ขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 67,777 สัญญา ใกล้เคียงกับเดือน ม.ค.56 แต่เพิ่มขึ้น 98.00% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ณ สิ้นเดือน ก.พ.56 ปิดที่ 1,541.58 จุด เพิ่มขึ้น 10.75% จากสิ้นปี 55 และปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.57% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน ม.ค. ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเป็นเดือนแรกที่ 17,229 ล้านบาท หลังจากซื้อสุทธิต่อเนื่อง 3 เดือน
ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market capitalization) ของ SET และ mai ณ สิ้นเดือน ก.พ. ปรับสูงขึ้นตามทิศทางของ SET Index โดยอยู่ที่ 13,137,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.74% จาก ม.ค. และเพิ่มขึ้น 11.04% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่ mai อยู่ที่ 183,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.25% จาก ม.ค. และเพิ่มขึ้น 37.71% จากสิ้นปี 2555
เช่นเดียวกับ Forward P/E ratio ของไทยปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย SET อยู่ที่ 14.18 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 13.59 เท่า ณ สิ้นเดือนก่อน ขณะที่ mai อยู่ที่ 18.72 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 18.07 เท่า ณ สิ้นเดือนก่อน แต่ในทางตรงกันข้าม อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET และ mai ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.59% และ mai อยู่ที่ 1.18%
“ภาพรวม ก.พ.56 ความกังวลต่อแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐอเมริกายังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก ขณะที่ตลาดทุนไทยได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัว หลังตัวเลข GDP ในไตรมาส 4/55 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ปรับดีขึ้น” นายภากรกล่าว
อย่างไรก็ตาม พบว่าการปรับตัวของหุ้นไทยมีการกระจายตัวไปยังกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือกลุ่มหลักมากขึ้น โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ วัดสุก่อสร้าง บริการ และธนาคารปรับตัวสูงขึ้นมาก อีกทั้งการซื้อสุทธิยังมากกลุ่มสถาบันเพียงกลุ่มเดียว จำนวน 19,466 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากกองทุนรวมหุ้น ขณะที่ปริมาณการซื้อขายต่อวันของนักลงทุนทั่วไปก็เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 40,000 ล้านบาท/วัน จากช่วงเดียวกันปีก่อนยังอยู่ที่ระดับ 12,000-15,000 ล้านบาท
“เรารอดูไตรมาส 1 ก่อนก่อนว่า มันจะมีวอลุ่มจริงเท่าใด วอลุ่มที่อาจหายไปเท่าใด ต้องยอมรับว่าหุ้นในกลุ่มนอก SET100 ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นสูงมาก เช่นเดียวกับกลุ่มSET 31-100 ที่ปรับตัวเช่นกัน เรากำลังประเมินหุ้นขนาดเล็ก แม้ไม่มีมาตรการออกมาเพิ่มเติม แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา ส่วนการลงทุนผ่านระบบ DMA ของนักลงทุนต่างประเทศมีเพียง 5-7% ของวอลุ่มเทรดยังไม่มากนัก
โดยรวมทั้งนักลงทุนสถาบัน และต่างประเทศมีวอลุ่มเทรดมากขึ้นประมาณ 1-2 พันล้าน แต่นักลงทุนทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นมาก ปริมาณบัญชีที่แอ็กทีฟปีก่อน 195,150 บัญชี แต่แค่ 2 เดือนตอนนี้เป็น 269,004 บัญชี ทั้งนักลงทุนใหม่ และบัญชีเดิมที่กลับมาลงทุนหลังเห็นตลาดหุ้นดีขึ้น”
ขณะที่มูลค่ามาร์เกตแคปต่อจีดีพีประเทศ ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่สูงกว่าจีดีพี 118% อินโดนีเซีย 44% ฟิลิปปินส์ 96% เกาหลี 99% มาเลเซีย 131% สิงคโปร์ 287% ฮ่องกง 1,085%
หุ้นไทยปิดลบ 6.48 จุด จับตาแก้หนี้ไซปรัส
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วันนี้ (18 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 1,591.65 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ 0.41% มูลค่าการซื้อขาย 65,277 ล้านบาท ภาพรวมจากปัญหาไซปรัสกดดันการลงทุนทั่วโลกลดลง น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับลงจากปัญหาไซปรัสที่กดดันการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ยังน้อยกว่าเพื่อนบ้าน เพราะได้ประโยชน์จากแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติเมื่อวันศุกร์ที่มีเข้ามาเยอะ
ด้านทิศทางในวันพรุ่งนี้นี้ (19 มี.ค.) ให้รอความชัดเจนประเด็นแก้หนี้จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาไซปรัสหรือไม่ หากไม่ผ่านก็จะต้องรอดูการแก้ปัญหาของระบบธนาคาร ซึ่งจะส่งผลต่อ sentiment การลงทุน แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมี downside ไม่ลึก เพราะมองระยะกลาง-ยาว ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีภายในประเทศ แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,600 จุด